‘TulaKaalaman’ เป็นภาษากาตาล็อค หรือภาษาท้องถิ่นของประเทศฟิลิปปินส์ แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า ‘Push Knowledge’ หรืออาจแปลในภาษาไทยได้ว่า ‘ความรู้แบบดัน’ โดยสาเหตุเรียกว่าเป็นความรู้แบบดัน ก็เพราะมันเป็นความรู้ที่ขับเคลื่อนไปด้วยรถเข็น
1
โครงการ TulaKaalaman เป็นนวัตกรรมที่ริเริ่มขึ้นโดย ซาดัต บี. มินันดัง (Sadat B. Minandang) ครูชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งเริ่มต้นระยะแรกในปี 2017 มินันดังได้แนวคิดของโครงการนี้มาจากการ์ตูนในห้องเรียนของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ประกอบกับตัวเขาเองได้พบเห็นความเหลื่อมล้ำในโอกาสของเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ และเพื่อเสริมสร้างให้เกิดความเสมอภาคทางการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาสเหล่านี้ เขาจึงเริ่มต้นโครงการ TulaKaalaman จากเงินของตัวเองทั้งหมด ซึ่งโดยหลักแล้วโครงการนี้จะมุ่งรวบรวมเด็กนักเรียนที่อยู่นอกระบบโรงเรียน และเด็กที่มีความเสี่ยงต่อการหลุดออกจากระบบโรงเรียน
“เราต้องการเข้าถึงเด็กที่ยังไม่ถูกเข้าถึง” มินันดังกล่าว
“เราจะแยกประเภทเด็กที่อยู่นอกระบบโรงเรียน อายุ 3-5 ปี และ 3-12 ปี กับอีกกลุ่มหนึ่งเป็นเด็กที่มีความเสี่ยงที่จะหลุดออกนอกระบบ หรือที่เรียกว่า Fidos”
เขาบอกอีกว่า ปัญหาเหล่านี้อาจไม่ได้มีสาเหตุจากความยากจนของครอบครัวเด็กเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงปัญหาการกีดกัน หรือปัญหาการใช้แรงงานเด็กอีกด้วย
หลังจากโครงการในระยะแรกได้เสียงตอบรับจากชุมชนเป็นอย่างดี มินันดังจึงไม่รอช้าที่จะเข็น TulaKaalaman ไปให้ไกลกว่าเดิม เขาเริ่มเข็นเข้าสู่ระยะที่ 2 ของโครงการทันที โดยในปี 2018-2019 โครงการได้รับแรงสนับสนุนจากองค์กรเครือข่ายโรงเรียนอย่าง Cotabato City Division ตลอดจนผู้คนที่เล็งเห็นปัญหาด้านการศึกษานี้ ก็หันมาให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
โครงการ TulaKaalaman มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในปี 2020 มินันดังจึงขยายโครงการเข้าสู่ระยะที่ 3 โดยหมุดหมายในระยะนี้คือ การสร้างโปรแกรมส่งเสริมอาชีพสำหรับชุมชน Bajao
โครงสร้างของ TulaKaalaman มีอยู่ 5 องค์ประกอบด้วยกัน
องค์ประกอบแรก ทักษะการอ่านออกเขียนได้และการคำนวณขั้นพื้นฐาน
“เพราะโดยส่วนใหญ่ เด็กในโครงการ TulaKaalaman ไม่เคยแม้แต่จะได้เข้าเรียนในระดับอนุบาล” เขาบอก
องค์ประกอบที่สอง คือ น้ำ สุขาภิบาล และสุขอนามัย ซึ่งจะเป็นการสอนเรื่องวิธีการดูแลรักษาความสะอาด โดยมินันดังได้ยกตัวอย่าง เช่น การสอนวิธีการแปรงฟัน หรือวิธีการล้างมือ ที่ถูกต้องตามหลักสุขอนามัย
องค์ประกอบที่สาม การให้การศึกษาอย่างเร่งด่วน (Education in Emergency: EiE) ซึ่งโครงการ TulaKaalaman จะทำหน้าที่ในการดึงเด็กที่หลุดออกจากระบบโรงเรียนให้กลับมามีที่ทางของตนเอง เช่น การเข้าไปมีส่วนร่วมด้านจิต-สังคม หรือกิจกรรมเกี่ยวกับจิต-สังคม
องค์ประกอบที่สี่ นโยบายการคุ้มครองเด็ก อันเป็นการทำให้เด็กตระหนักรู้ถึงสิทธิของตนเอง
“การศึกษาเองก็เป็นหนึ่งในสิทธิขั้นพื้นฐาน ให้พวกเขารู้ถึงสิทธิที่จะได้เรียนรู้ สิทธิที่จะได้รับการศึกษา” มินันดังกล่าว
และองค์ประกอบที่ห้า กิจกรรมการแจกจ่ายอาหาร มินันดังกล่าวว่า เป็นกิจกรรมที่มีผู้คนรอคอยมากที่สุด และด้วยแรงดึงดูดผู้คนจำนวนมาก ส่งผลให้กิจกรรมนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญของโครงการ TulaKaalaman ที่จะช่วยดึงความสนใจของเด็กให้เข้ามาอยู่ภายในโครงการ
2
“การบริหารเวลา เป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดในการทำโครงการประเภทนี้ นักเรียนต้องร่วมมือกับครูผู้สอน” และด้วยการที่โครงการ TulaKaalaman เปรียบเสมือน ‘โรงเรียนติดล้อ’ เพราะเป็นการนำพาความรู้เข้าไปหาเด็กๆ ที่ด้อยโอกาส แทนที่จะรอให้เด็กเข้ามาหาอย่างที่โรงเรียนปกติเป็น ทั้งหมดจึงเป็นงานของครู “ที่อยู่นอกเหนือภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามปกติ เป็นการทำงานที่ต้องกระโดดออกจากกล่องเดิมที่เคยทำ ทั้งหมดนี้จึงเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความปกติสามัญ” เขาบอก
มินันดังได้กล่าวถึงความท้าทายของโครงการนี้ว่า ถึงแม้จะเป็นงานที่อยู่นอกเหนือภาระหน้าที่ทั่วไป แต่สิ่งที่เขาทำอยู่นี้มาจากจิตวิญญาณและสำนึก
“ในฐานะครูคนหนึ่ง ผมไม่ได้เป็นเพียงคนทำงาน หรือเป็นเพียงคนที่ทำงานไปตามหน้าที่ในแต่ละวัน แต่ผมเป็นครูประเภทที่จะมุ่งมั่นและอุทิศตนให้แก่การสอนหนังสือ ด้วยความรัก ความเต็มใจ และความแน่วแน่ งานนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานที่ต้องทำให้เสร็จไปวันๆ …มันเป็นมากกว่าแค่อาชีพ”
ทั้งหมดนี้คือความท้าทายของการออกเข็นโครงการ TulaKaalaman “ในการที่จะผลักดันภารกิจอันท้าทายนี้ ต้องอาศัยจรรยาบรรณ ทัศนคติ และค่านิยมอันดีในการทำงาน”
มินันดังยังกล่าวต่อไปอีกว่า อีกหนึ่งความท้าทายในการทำโครงการนี้คือ ทรัพยากรที่ค่อนข้างจำกัด ส่งผลให้ทรัพยากรที่มีอยู่จะต้องถูกนำไปใช้อย่างต่อเนื่อง คุ้มค่า และยั่งยืน โดยจะต้องพิจารณาประกอบกับวัตถุประสงค์และระยะเวลาของโครงการ อันจะนำไปสู่การบริการช่วยเหลือและสนับสนุนเด็กผู้ด้อยโอกาสทั้งหลายเหล่านี้ ด้วยการเรียนการสอนที่มีคุณภาพและเสมอภาคถ้วนหน้ากัน ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดซึ่งทรัพยากร
3
ถึงที่สุดแล้ว สำหรับตัว มินันดัง เขาเชื่อมั่นว่า ปลายทางของโครงการนี้ย่อมมีส่วนในการเสริมสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาได้ไม่มากก็น้อย
“TulaKaalaman คือการหยิบยื่นโอกาสให้แก่เด็กๆ และครอบครัวของเขา เพื่อสร้างหนทาง สร้างโอกาส เพื่อทำให้พวกเขารู้จักกับความงดงามและความสำคัญของการศึกษา เพื่อทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้ความหวังแก่พวกเขา และเพื่อยกระดับมาตรฐานชีวิตของพวกเขา
“การศึกษาเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เป็นกลยุทธ์สำคัญในการที่จะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ …สิทธิในการศึกษาของพวกเขาเป็นข้อกำหนดภารกิจของประเทศทั้งหลาย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเด็กและพลเมืองทุกคนจะได้รับโอกาสในการได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานในชีวิต”
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่โรงเรียนติดล้อพยายามทำ ด้วยการรักษาสิทธิทางการศึกษาของเด็กๆ และส่งเสริมให้เกิดการศึกษาที่เสมอภาค อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในทุกๆ ประเทศ