เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีความยืดหยุ่น ทั่วถึง และเท่าเทียม ในหัวข้อสัมมนา ‘The Joy and Benefit of Learning in the Scope of a Decade-long Global Learning City Partnership’ หรือ ‘ความสุขและประโยชน์ของการเรียนรู้จากการเป็นหุ้นส่วนเมืองแห่งการเรียนรู้ระดับโลกในรอบทศวรรษ’ เพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในการกำหนดอนาคตด้านการศึกษาร่วมกัน
บาลาซส์ เนเมต ผู้ประสานงานเครือข่ายวิจัย เป็นผู้ดำเนินการสัมมนา
เป้าหมายของการสัมมนาครั้งนี้ ได้แก่ 1) เพื่อสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างสมาชิกเครือข่าย ASEM LLL Hub สนับสนุนให้เกิดเครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโก 2) กระชับความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายกับนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในด้านการศึกษา เพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต 3) สร้างโอกาสเชื่อมการทำงานและความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และกรณีศึกษา เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก
การสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom โดยมี ราอูล วาลเดส โคเตรา (Raul Valdes Cotera) และอาร์น คาร์ลเซน (Arne Carlsen) ตัวแทนเครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกเข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ด้วย
กสศ. ได้นำเสนอสถานการณ์ความท้าทายด้านการศึกษาของประเทศไทย ทั้งประเด็นความเหลื่อมลํ้าทางสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโอกาสและ
คุณภาพของการศึกษา ด้วยเหตุนี้ กสศ. จึงตั้งเป้าหมายที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม พัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพ และสนับสนุนให้มีการจัดการศึกษาทางเลือก
แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาของ กสศ. มุ่งเน้นกระบวนการศึกษาวิจัยที่มี ‘หลักฐานเชิงประจักษ์’ (evidence base) และศึกษาบทเรียนจากทั่วโลกเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทสังคมไทย ผ่านการสร้างเครือข่าย นวัตกรรม การขับเคลื่อนความรู้และฐานข้อมูลไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับนโยบาย และสนับสนุนการศึกษาในระดับพื้นที่ผ่านการประยุกต์ใช้กรอบแนวคิดเมืองแห่งการเรียนรู้
โดย กสศ. หยิบเอาเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการสร้างนิเวศที่ส่งเสริมการเรียนรู้มาเป็นประเด็นสำคัญในการทำงาน เน้นการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานและผู้ที่ขับเคลื่อนเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้เข้ามาออกแบบกระบวนการทำแผนพัฒนาพื้นที่ของตนเอง โดยพื้นที่นำร่อง ได้แก่ ลำพูน พะเยา ตรัง ยะลา อุดรธานี และกรุงเทพมหานคร
ในการขับเคลื่อนการทำงานเชิงพื้นที่ กสศ. และภาคีเครือข่ายให้ความสำคัญกับการศึกษาทั้งในและนอกระบบ รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีพและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไปพร้อมกัน โดยอาศัยทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่เดิม เช่น มรดกทางวัฒนธรรมแบบล้านนาของลำพูน การเรียนรู้ผ่านการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมของจังหวัดอุดรธานี ที่ประกอบไปด้วยชาวไทยอีสาน ชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม และชาวมุสลิม เป็นต้น ขณะที่เทศบาลนครยะลาเน้นไปที่การสร้างเมืองแห่งการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันและการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น รวมถึงสร้างทักษะอาชีพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นต้น
จากโครงการนำร่องเหล่านี้ กสศ. มีจุดมุ่งหมายเพื่อก่อให้เกิด ‘แพลตฟอร์มเมืองแห่งการเรียนรู้ระดับชาติ’ (National Platform Learning City) เพื่อทำให้กรอบแนวคิดดังกล่าวนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) แลกเปลี่ยนประสบการณ์ขับเคลื่อนแนวคิดเมืองแห่งการเรียนรู้ ในวงสัมมนานานาชาติ ร่วมกับเครือข่ายการศึกษาและวิจัยแห่งเอเชีย-ยุโรป (ASEM LLL Hub) ในหัวข้อ ‘The Joy and Benefit of Learning in the Scope of a Decade-long Global Learning City Partnership’ หรือ ‘ความสุขและประโยชน์ของการเรียนรู้จากการเป็นหุ้นส่วนเมืองแห่งการเรียนรู้ระดับโลกในรอบทศวรรษ’ ยกโมเดล ‘แพลตฟอร์มเมืองแห่งการเรียนรู้ระดับชาติ’ เพื่อสร้างระบบนิเวศในการเรียนรู้อย่างทั่วถึงและส่งเสริมแนวทางการเรียนรู้ตลอดชีวิต