เข้าสู่ระบบ

สืบเนื่องจากโครงการวิจัยเพื่อติดตามและประเมินผลธิ์มาตรการเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไขต่อพฤติกรรมและความมุ่งมั่นของนักเรียนยากจนพิเศษระยะที่ 1 แสดงผลลัพธ์ว่ากลุ่มนักเรียนที่ด้อยโอกาสให้ค่าคาดการณ์ทั้งด้านรายได้ในอนาคตของตนเองไว้ต่ำ

ความคืบหน้า 100%

ผลการวิจัยเพื่อเพิ่มความมุ่งมั่นของนักเรียนยากจนพิเศษ และติดตามเพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์มาตรการเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข

บทนำ

สืบเนื่องจากโครงการวิจัยเพื่อติดตามและประเมินผลธิ์มาตรการเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไขต่อพฤติกรรมและความมุ่งมั่นของนักเรียนยากจนพิเศษระยะที่ 1 แสดงผลลัพธ์ว่ากลุ่มนักเรียนที่ด้อยโอกาสให้ค่าคาดการณ์ทั้งด้านรายได้ในอนาคตของตนเองไว้ต่ำ และยังมีการมองอาชีพในอนาคตค่อนข้างแคบกว่านักเรียนเด็กกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มานี้สะท้อนว่าผู้ปกครองและนักเรียนยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับผลตอบแทนจากการศึกษาและอาชีพ และมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจติดอยู่ในกรอบความคิดที่เชื่อว่าอนาคตของพวกเขาไม่น่าจะดีกว่าเดิมได้

ด้วยเหตุนี้ โครงการฯในระยะที่ 2 จึงต้องการติดตามวัดผลสัมฤทธิ์ต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มกิจกรรมเพื่อทำให้สามารถเข้าใจวิธีคิดด้านรายได้ และอาชีพในอนาคตของกลุ่มนักเรียนด้อยโอกาสมากขึ้น รวมถึงหามาตรการที่ช่วยทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่นในตนเองและอนาคตมากกว่าที่เป็นอยู่ หรืออีกนัยหนึ่ง คือเพิ่มเติมกิจกรรมเพื่อพัฒนา“Growth Mindset”หรือ“กรอบความคิดแบบเติบโต”ที่ช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นว่าสมองและผลลัพธ์ที่ดีสามารถพัฒนาได้จากความพยายาม โดยสถานะที่ติดตัวไม่ใช้สิ่งที่กำหนดผลลัพธ์ในอนาคตเสมอไป และความผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช้ความล้มเหลวหากแต่เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กระตุ้น Growth Mindset นี้จำเป็นต้องพิจารณาให้ครอบคลุมทั้งตัวแปรต้นทางกลางทาง และผลลัพธ์ปลายทาง กล่าวคือตัวแปรต้นทาง (Direct output of intervention) หมายรวมถึงกลไกแทรกแซ่งที่เชื่อว่ามีผลต่อกลุ่มตัวอย่างซึ่งในที่นี้คือความรู้ ความเข้าใจในข้อมูลอาชีพและรายได้ รวมถึงการรับหลักการGrowth Mindset ในการเรียน ส่วนตัวแปรกลางทาง (Moderators) เป็นสิ่งที่อาจได้รับอิทธิพลจากตัวแปรต้นทาง ซึ่ง ณ ที่นี้คือพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน รวมถึงการใช้เวลาและปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียน ผู้ปกครองและกลุ่มเพื่อน โดยตัวแปรกลางทางช่วยกระตุ้นให้เกิด Human capital inputsเพื่อสร้างผลลัพธ์ปลายทาง ซึ่งคือทุนมนุษย์ (Human capital achievements) ที่วัดผลผ่านทักษะทางปัญญา(Cognitive skill) และทักษะทางพฤติกรรม (Non-cognitive skill)ดังนั้นกิจกรรมของโครงการในระยะที่ 2 นี้ จึงออกแบบมาตรการเพื่อกระตุ้น Growth Mindset ร่วมด้วยการตรวจสอบผลของมาตรการดังกล่าว ว่าประสบผลในการปรับเปลี่ยนวิธีคิดไปสู่ Growth Mindset ของนักเรียนมากน้อยเพียงใด โดยใช้การทดลองภาคสนาม (Field experiment) เป็นสนามในการทดสอบมาตรการแทรกแซ่ง (Interventions) ลักษณะต่าง ๆ อันได้แก่ การใช้หลักสูตรกรอบความคิดแบบเติบโตหลักสูตรเกี่ยวกับอาชีพในศตวรรษที่ 21 หรือองค์ประกอบทั้งสองหลักสูตรร่วมกัน (โดยหลักสูตรทั้งหมดออกแบบให้สอดคล้องกับอายุของกลุ่มตัวอย่าง) รวมถึงใช้แนวทางเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม (Behavioral economics) ในการใช้แรงจูงใจทางการเงิน (Financial incentive) และไม่ใช้การเงิน เพื่อไว้วัดผลความอ่อนไหวในการปรับพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างในกรณีต่าง ๆ ซึ่งการวัดผลทั้งก่อนการแทรกแซ่ง และหลังการแทรกแซง (ถ้าเป็นไปได้จะวัดผลอีกครั้งหนึ่งโดยทิ้งช่วงหลังการแทรกแซ่ง 2-3 เดือน) จะทำให้ทราบถึงประโยชน์ได้ว่าควรใช้หลักสูตรแบบใดควบคู่กับการแทรกแซ่งเชิงพฤติกรรมแบบไหนถึงทำให้เกิดการปรับความคิด ทัศนคติ อย่างสัมฤทธิ์ผล

เนื้อหาของรายงานนี้ประกอบด้วยรายละเอียดการทดลองภาคสนามในบทที่ 2 ซึ่งประกอบด้วยการออกแบบการทดลอง หลักสูตรต่าง ๆ ที่ใช้เป็นมาตรการแทรกแซ่ง จำนวนโรงเรียน นักเรียนและผู้ปกครองที่เข้าร่วมการวิจัย ผลการศึกษาจากการทดลองภาคสนามในบทที่ 3 ซึ่งครอบคลุมผลการศึกษาของการให้หลักสูตรเพื่อพัฒนาการคิดแบบเติบโตและการให้ข้อมูลอาชีพ รวมถึงการให้หลักสูตรผู้ปกครองต่อพัฒนาการของเด็กทั้งในด้านทักษะทางสติปัญหาและทักษะทางด้านอารมณ์ นอกจากนั้นในบทนี้ทางทีมวิจัยได้รายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับการจ่ายเงินให้กับผู้ปกครองต่างชวงเวลามีผลต่อการใช้จ่ายเงินที่ได้รับในค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบัตรหลานและค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับบัตรัหลานแตกต่างกัน หรือไม่ และในบทที่ 3 ได้มีการรายงานผลจากการประชุมกลุ่มย่อยกับโรงเรียนหลังจบการทดลองภาคสนามเพื่อรับฟังความคิดเห็นรวมถึงข้อเสนอแนะต่อการปรับปรุงหลักสูตรและการจัดการการให้หลักสูตรเพื่อให้สามารถนำไปใช้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ในบทที่ 4 ได้รายงานผลการเก็บข้อมูลต่อเนื่องในปีที่ 2เกี่ยวกับการประเมินผลสัมฤทธิ์ของนโยบายอุดหนุนนักเรียน และบทที่ 5 เป็นบทสรุปและข้อเสนอแนะที่พบจากการศึกษาครั้งนี้

1) ศึกษาติดตามและประเมินผลจากมาตรการเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไขของ กสศ. ที่มีต่อนักเรียนทุนเสมอภาค ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง เพื่อเข้าใจผลลัพธ์ของโครงการเงินทุนนักเรียนยากจนพิเศษ ในระยะยาว

2) ทำการทดลองภาคสนาม ด้วยการเสริมสร้าง Career Perspective และการพัฒนา Growth Mindset ให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง และวัดผลการเปลี่ยนแปลงของแนวคิด ทักษะ และความสำเร็จของนักเรียน

3) ศึกษาวิจัยปัจจัยด้านพฤติกรรมของนักเรียน ครอบครัวและเพื่อนร่วมชั้น ที่มีผลต่อผลลัพธ์ทางการศึกษาหรือทักษะของนักเรียนยากจนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรเวลาการเรียนของนักเรียนและผู้ปกครองหรือการใช้เวลาทบทวนบทเรียนกับเพื่อน

4) จัดทำข้อเสนอแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไขของ กสศ. ต่อความเสมอภาคทางการศึกษาของนักเรียนยากจนพิเศษทั้งในระยะส้นและระยะยาว

5) จัดทำข้อเสนอแนวทางการเพิ่มความมุ่งมั่นการศึกษาและการประกอบอาชีพของนักเรียนยากจนพิเศษผ่านการพัฒนา Growth Mindset และการเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาชีพ ตลาด แรงงาน (Career Perspective)

จุดประสงค์หลักของการทำการทดลองภาคสนามในโครงการนี้ สืบเนื่องจากผลการศึกษาในระยะที่ 1 พบว่านักเรียนและผู้ปกครองที่มีมุมมองเชิงบวกด้านอนาคตของนักเรียน มีแนวโน้มที่จะมีความมุ่งมั่นทางการศึกษาที่สูงกว่ากลุ่มนักเรียนและผู้ปกครองที่มีมุมมองด้านตรงข้าม

เพื่อพัฒนาและผลักดันให้นักเรียนและผู้ปกครองเกิดมุมมองเชิงบวก และมีความมุ่งมั่นในการมองอนาคตนั้น ทางทีมวิจัยได้พิจารณารูปแบบการแทรกแซง (Interventions) 2ด้าน คือ

  1. การให้ข้อมูลและความรู้ซึ่งประกอบด้วยสองส่วนคือ
    1.1 การให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการมองอนาคต ด้วยการเสริม Career Perspective
    1.2 การสร้างเสริมความรู้ข้อมูล และฝึกปฏิบัติปรับทัศนคติตามหลักการ Growth Mindset
    (ด้านการทำงานของสมอง ความสำคัญของความพยายาม และการไม่กลัวความผิดพลาด)
  2. พร้อมกันนี้ ทีมวิจัยได้ตั้งสมมติฐานเพิ่มเติมไว้ว่า การสร้างแรงจูงใจทางการเงินกับผู้ปกครอง (Fiancial incentive) ควบคู่ไปกับการแทรกแซงด้วยการให้ข้อมูล และการฝึกการคิดแบบ Growth Mindset จะช่วยกระตุ้น (โดยเฉพาะในระยะสั้น)ให้ทั้งนักเรียนและผู้ปกครองเกิดการนำข้อมูลที่ได้รับไปใช้จริง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ในความสำเร็จทางการศึกษาของนักเรียนที่ดีมากขึ้น ดังนั้น การแทรกแซงจึงถูกออกแบบให้มีการแทรกแซงที่ใช้ทั้งแรงจูงใจการเงิน (Financial incentive) และแรงจูงใจที่ไม่ใช้เงิน (Non-financial incentive) ควบคู่กันไป