หลักการและเหตุผล
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. 2561 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ขาดูแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครูและตามที่ระบุไว้ใน มาตรา 5 (3) เสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครูให้มีความสามารถในการจัดการในการจัดการเรียนการสอน หรือจัดให้มีการศึกษาวิจัย หรือค้นคว้าแนวทางในการพัฒนาครูให้เรียนการสอน สามารถพัฒนาเด็กและเยาวชนตามพื้นฐานและศักยภาพที่แตกต่างกัน และมาตรา 5(6) ดำเนินการหรือจัดให้มีการศึกษา วิจัย หรือค้นคว้าแนวทางในการพัฒนาครูให้มีจิตวญญาณของความเป็นครูมีคุณธรรม มีจริยธรรม มีความรู้และมีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาผู้เรียนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษาโดยมีแรงจูงใจที่เหมาะสม รวมทั้ง มาตรา 5 (7) ในการดำเนินการหรือจัดให้มีการศึกษา วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนการนำองค์ความรู้ดังกล่าวไปใช้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษาสนองความต้องการทางด้านกำลังแรงงาน และการยกระดับความสามารถของคนไทย และในช่วงที่ผ่านมา องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development-OECD) ได้เชิญประเทศไทยเข้าร่วมโครงการวิจัยพัฒนาเครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์ (Creativity and Critical Thinking Skills in Education Meeting) และเชิญให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) (สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ในขณะนั้น) เป็นหน่วยประสานงานประจำประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2559 – ปัจจุบัน
ผลการดำเนินงานการวิจัยเพื่อพัฒนาเครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์โดย สพฐ. ร่วมกับ สสวท. มูลนิธิยุวสถิรคุณ กสศ. และOECD ได้พัฒนาเครื่องมือทดสอบ และปรับปรุงเครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งขยายผลการใช้เครื่องมือในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ครอบคลุม 440 โรงเรียน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่าผลจากการดำเนินงานวิจัยพัฒนาเครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์ในชั้นเรียน ในปีการศึกษา 2559-2560 พบว่าข้อสอบวัดความรู้คณิตศาสตร์ -วิทยาศาสตร์ที่ต้องใช้ทักษะความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ (STEM) กลุ่มทดลองที่เรียนแบบส่งเสริมการคิดเชื่อมโยงประยุกต์ ทำคะแนนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ได้ดีขึ้น สำหรับการประเมิน Evaluation of Potential Creativity(EPoC) เป็นการความสามารถด้านทักษะการคิดสร้างสรรค์ทางด้านมานุษยวิทยา การคิดสร้างสรรค์ทางด้านมานุษยวิทยาแบบเอนกนัย (Divergent – DT) ความสามารถด้านทักษะการคิดสร้างสรรค์ทางด้านวิทยาศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม ในกลุ่มทดลองมีพัฒนาการมากขึ้นแบบก้าวกระโดด ในขณะที่กลุ่มควบคุมที่สอนแบบเดิมนักเรียนทำข้อสอบได้ลดลง 1 ดังนั้นเครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์ที่OECD พัฒนาขึ้น สพฐ. จึงมีแผนที่จะขยายผลทั้งประเทศ ผ่านสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ที่มี 42เขตทั่วประเทศ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ครูและผู้เรียนของประเทศไทยได้นำไปใช้จัดการเรียนการสอนเพื่อเตรียมความพร้อมในการประเมิน PISA 2021 ที่จะเน้นเรื่องการคิดวิเคราะห์และการคิดสร้างสรรค์ได้ต่อไป
ดังนั้นกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จึงได้พัฒนา โครงการวิจัยพัฒนาเครื่องมือและกระบวนการเสริมสร้างและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ในชั้นเรียน (ระดับมัธยมศึกษา)ที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการนำเครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์ในชั้นเรียนสำหรับเตรียมความพร้อมผู้เรียนในการประเมิน PISA 2021 ที่สอดคล้องกับกระบวนการจัดการเรียนการสอนของประเทศไทย ไปใช้และขยายผลผ่านวิทยากรแกนนำ และเครือข่ายครูมัธยมศึกษา รวมทั้ง ศึกษานิเทศก์ 42 เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา สำหรับการใช้เครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์ในชั้นเรียนให้แก่ครูผู้สอน ทั้งนี้เพื่อมุ่งให้เยาวชนไทยเป็นผู้มีทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ได้ในที่สุด