ทั้งนี้ สถาบันการเรียนรู้ตลอดชีวิตของยูเนสโก (UNESCO Institute for Lifelong Learning: UIL) ได้จัดตั้งเครือข่ายระดับโลกด้านเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโก (The UNESCO Global Network of Learning Cities: GNLC) เพื่อช่วยท้องถิ่นพัฒนากลยุทธ์อย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างเมืองแห่งการเรียนรู้
เมืองแห่งการเรียนรู้ คือเมืองที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้แก่ประชาชนทุกคนให้อยู่ร่วมกันในท้องถิ่นอย่างเท่าเทียม โดยการระดมทรัพยากร ความร่วมมือ และบริหารจัดการทรัพยากรแบบมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ทำให้ความรู้เป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ และตอบโจทย์ความหลากหลายของคนในเมืองนั้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีเมืองที่เข้าร่วมเครือข่ายระดับโลกด้านเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโก 7 เมือง ได้แก่ เทศบาลนครภูเก็ต เทศบาลนครหาดใหญ่ เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา เทศบาลนครเชียงราย เทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดพะเยา และจังหวัดสุโขทัย
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจังหวัดที่เดินหน้าสร้างเมืองแห่งการเรียนรู้ โดยเฉพาะยะลา หนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งให้ความสำคัญกับพื้นที่การเรียนรู้ของเมืองเป็นอย่างมาก และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องการจัดผังเมืองที่สวยงาม เกิดความสะดวกในการพัฒนาเมืองในทุกด้าน อีกทั้งยังเคยได้รับรางวัลระดับโลกของยูเนสโกอีกด้วย
โครงการวิจัยเรื่อง ‘ยะลาเมืองแห่งการเรียนรู้: กระบวนการสร้างสรรค์เมืองแบบมีส่วนร่วมบนความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม’ โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ร่วมกับกลุ่มเยาวชน ชาวเมืองยะลา และเครือข่ายภาคประชาสังคมในพื้นที่ ตลอดจนเกิดการประสานความร่วมมือจนได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและเมืองนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) โดยเป็นชุดโครงการวิจัยที่วางแนวทางการพัฒนาเมืองยะลาให้เป็น learning city มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายสังคมและพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่เข้าถึงคนทุกกลุ่มในยะลาบนฐานแนวคิดสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต (A Lifelong Learning Society)
งานวิจัยนี้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ายะลาเป็น ‘เมืองแห่งสุนทรียะ’ ที่มีทั้งต้นทุนทางกายภาพ ต้นทุนทางวัฒนธรรม และทุนทางสังคม มีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ และมีนโยบายการพัฒนาเมืองที่ชัดเจน ซึ่งได้มีการถอดบทเรียนและกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนสร้างความเปลี่ยนแปลงระดับเมือง โดยสามารถสังเคราะห์เป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย ได้แก่ 1) ให้มีการส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างกลไกความร่วมมือระดับเมือง ปรับบทบาทการทำงานของเทศบาลนครยะลาให้เป็นผู้สร้างพื้นที่และสนับสนุนการทำงานของภาคีเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคีได้มีบทบาท 2) สนับสนุนการจุดประกายความสนใจใฝ่รู้ และ 3) สร้างฐานความรู้เพื่อการพัฒนาเมือง ให้ความสำคัญกับความรู้ท้องถิ่นในฐานะทุนทางวัฒนธรรม
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา เป็นผู้นำท้องถิ่นที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวยะลามาอย่างต่อเนื่องหลายสมัย ซึ่งก่อนหน้านี้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยะลาที่ยืดเยื้อหลายปี จนส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ ภาคการท่องเที่ยวหยุดชะงัก ภาพลักษณ์เมืองถูกมองในแง่ลบ กระทั่งส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ นายพงษ์ศักดิ์จึงหาแนวทางการพัฒนาเมืองยะลา และสร้างสรรค์บรรยากาศให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นนครแห่งการเรียนรู้ ตลอดจนเป็นนครแห่งความสุขอย่างยั่งยืน
แผนพัฒนาเมืองยะลา ได้นำแนวคิดการพัฒนาตามแนวทางเมืองอัจฉริยะมาขับเคลื่อน ได้แก่
- ยกระดับมาตรฐานด้านการจัดการความมั่นคงปลอดภัย และลดภาพลบของเมืองในด้านความไม่มั่นคงปลอดภัย
- ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการจัดบริการภาครัฐให้ได้มาตรฐานสากล ‘สู่ยะลาเมืองคุณภาพชีวิตมาตรฐานสากล’
- สร้างจุดขายเพื่อทวงคืนบทบาทการเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการลงทุนแห่งภูมิภาค ‘สร้างยะลาสู่เมืองที่เข้มแข็งในอดีต และเข้มแข็งยิ่งขึ้นในศตวรรษที่ 21’
“ยะลาเป็นเมืองศูนย์กลางด้านการศึกษาของภูมิภาค โดยมีสถาบันการศึกษาในทุกระดับ อย่างเช่นมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตภาคใต้ตอนล่าง เทศบาลนครยะลามีวิสัยทัศน์การทำงานที่ชัดเจน โดยมีคติพจน์ว่า สร้างเมืองให้น่าอยู่ สร้างความรู้สู่มวลชน” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
นายพงษ์ศักดิ์เน้นย้ำว่า พื้นที่สีเขียวเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตของทุกคน จึงเป็นสาเหตุให้เทศบาลนครยะลามีนโยบายพัฒนาพื้นที่สีเขียวของเมืองอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นทั้งพื้นที่การใช้ชีวิตและพื้นที่การเรียนรู้ หนึ่งในผลงานจากนโยบายดังกล่าวคือ การพลิกโฉมศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา ให้กลายเป็นอุทยานการเรียนรู้ขนาดใหญ่ที่สุดของภาคใต้อย่าง ‘อุทยานการเรียนรู้ยะลา’ หรือ TK Park Yala
การดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ของนายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลาเป็นการพยายามขับเคลื่อนยะลาไปสู่เมืองแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง โดยเล็งเห็นความสำคัญของการสร้าง learning city อันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างการเรียนรู้เพื่อยกระดับทุนมนุษย์ในท้องถิ่น พร้อมทั้งสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด โดยมีการเชื่อมประสานภาคส่วนต่างๆ ในการจัดกิจกรรมพัฒนาเมือง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเมืองยะลา
ดังตัวอย่างของการจัดงาน ‘Yala Stories’ เมื่อปี 2565 เป็นงานที่นำเสนอมุมมองอันหลากหลายของยะลา อีกทั้งยังทำให้คนรุ่นใหม่เกิดความรู้สึกร่วมในการเป็นเจ้าของเมือง โดยข้อมูลจากสำนักงานกรมประชาสัมพันธ์ระบุว่า นายพงษ์ศักดิ์ได้ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนยะลาสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ ต่อยอดสร้างเศรษฐกิจ โดยกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “Yala Stories เป็นภาพความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของการขับเคลื่อนยะลาไปสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ มีการนำความรู้จากงานวิจัยและผลงานของเยาวชนชาวเมืองยะลามาจัดแสดง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ตามกรอบการจัดตั้งเครือข่ายระดับโลกของยูเนสโก”
ทั้งนี้ งานดังกล่าวยังนับเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย ‘ยะลาเมืองแห่งการเรียนรู้: กระบวนการสร้างสรรค์เมืองแบบมีส่วนร่วมบนความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม’ อีกด้วย
ขณะเดียวกัน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ในยะลา เพื่อส่งเสริมให้เป็น learning city ในทุกพื้นที้ เช่น กิจกรรม ‘Yala Identity of finding’ เป็นกิจกรรมที่เชิญปราชญ์ชาวบ้าน ผู้รู้ในชุมชนนวลสกุล มาเล่าขานตำนานเรื่องราวความเป็นเมืองยะลา ให้เยาวชนเมืองยะลาได้เรียนรู้ พร้อมกับกิจกรรมเดินสำรวจหาลวดลาย สีสัน รูปทรงอาคารที่ชอบในพื้นที่ ซึ่งเป็นลวดลายเฉพาะและเป็นเสน่ห์ของเมืองยะลา เพื่อนำมาสร้างสรรค์ลายผ้า หรือต่อยอดเป็นผลงานนวัตกรรมลวดลายเมืองยะลาต่อไป
กิจกรรมลักษณะนี้มีวัตถุประสงค์ในการปลูกฝังแนวคิดรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการเรียนรู้ การพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยปราชญ์ชาวบ้าน อีกทั้งยังเป็นการสร้างอัตลักษณ์ให้กับท้องถิ่น ทำให้เยาวชนและผู้คนในท้องถิ่นสามารถนำความรู้อันเป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างคุณค่าทางสังคม เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สู่ตลาดในประเทศจนถึงระดับภูมิภาคอาเซียน
นอกเหนือจากนี้ กสศ. ยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนกิจกรรมอื่นๆ ภายใต้การทำงานที่สอดรับกับกลุ่มเป้าหมายสำคัญ อย่างเด็กและเยาวชนกลุ่มด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดยะลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีบทบาทเชื่อมโยงให้หลายภาคส่วนเข้ามาร่วมมือกัน เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้และนวัตกรรมลดความเหลื่อมล้ำ และเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเมืองยะลาได้นำข้อมูลเชิงพื้นที่จาก กสศ. มาปรับใช้กับบริบทท้องถิ่นเพื่อสร้างให้เมืองยะลาเป็น learning city อย่างเต็มรูปแบบ
อ้างอิง:
- ปักหมุด “Yala Stories” ขับเคลื่อนปักหมุด “Yala Stories” ขับเคลื่อน สู่เมืองแห่งการเรียนรู้ต่อยอดสร้างเศรษฐกิจ
- ยะลา – We Citizen Thailand
- ยะลาเมืองแห่งการเรียนรู้: กระบวนการสร้างสรรค์เมืองแบบมีส่วนร่วมบนความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม
- ดวงนภา เพชรจันทร์ และ จิรวัฒน์ เมธาสุทธิรัตน์. (2564, มกราคม-เมษายน). ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของนายกเทศมนตรีนครยะลา. วารสารการบริหารการปกครองและนวัตกรรมท้องถิ่น, 5(1).