เข้าถึงการศึกษาที่ดีได้ยาก และที่เลวร้ายที่สุด คือการที่เด็กคนหนึ่ง ต้องหลุดจากระบบการศึกษา เพราะครอบครัวมีรายได้น้อย สถานะยากจน หรือพักอาศัยในสภาพแวดล้อม ที่ไม่เอื้อต่อการเข้าถึงการเรียนรู้
โครงการขยายผลและพัฒนาความร่วมมือสร้างเครือข่ายสถานศึกษาเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ Equity Partnership’s School Network’ ปีที่ 4
เปรียบเสมือนพื้นที่บ่มเพาะมิตรภาพ ระหว่างเด็กโรงเรียนชนบทและโรงเรียนในเมือง ที่สามารถลบล้างเส้นแบ่งของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จนเกิดเป็น ‘เครือข่ายโรงเรียนเพื่อความเสมอภาค’ ที่พัฒนานวัตกรสู่การผลิตนวัตกรรมชุมชนได้ ทั้งหมดเกิดจากการสานพลังจากทุกภาคส่วน ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของเด็กทุกคน ว่าทุกคนสามารถปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ แปลงโฉมภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่า และมีมุมมองใหม่ๆ ได้
นวัตกรรมทางสังคม สร้างความเสมอภาคทางการศึกษา
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เล่าว่า แม้ผลิตภัณฑ์ของเด็กๆ ‘นวัตกรรุ่นเยาวน์’ ที่วางขายในแอปพลิเคชัน Shopee แพลตฟอร์มออนไลน์ 4 ปีที่ผ่านมา สร้างมูลค่าในการทำธุรกิจได้กว่า 1 ล้าน 5 แสนบาท แต่สิ่งที่ทาง กสศ. หวังให้เกิดมากกว่านั้น คือ การสร้างเมล็ดพันธุ์แห่งความหวัง ที่ติดอาวุธทางความคิด ทำให้กับเด็กทุกคนนำประสบการณ์ พรสวรรค์ที่ค้นพบในตัวเอง ไปต่อยอดใช้ชีวิตในระยะยาวเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นได้ ที่สำคัญโครงการนี้ทำให้เห็นมิตรภาพที่ดีระหว่างเด็กโรงเรียนขยายโอกาส และโรงเรียนนานาชาติ ที่สำคัญโครงการนี้ถือเป็นนวัตกรรมทางสังคม ที่ใช้งบประมาณไม่มาก แต่สร้างมูลค่ามหาศาลให้เด็กทุกคน
“เราไม่ได้ให้ปลา ไม่ได้ให้เบ็ดตกปลา แต่ให้เด็กเยาวชนพัฒนาเบ็ดมาตกปลาร่วมกัน ทำให้ทุกคนมีทักษะที่เข้าใจการอยู่ร่วมกัน เข้าใจความแตกต่าง มีความคิดสร้างสรรค์ ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้”
การลบเลือนเส้นแบ่งความเหลื่อมล้ำ คือ เป้าหมายของโครงการนี้
พัฒนาทักษะทางอารมณ์ สังคม ต้นทุนมนุษย์ในโลกยุคใหม่ ด้วยการให้เด็กทุกคนมีอิสรภาพทางความคิด เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่โครงการนี้ใช้ลบเส้นแบ่งความเหลื่อมล้ำระหว่างเด็กโรงเรียนขยายโอกาสกับเด็กโรงเรียนนานาชาติ นอกจากสิ่งที่กล่าวข้างต้น ทุกคนที่ร่วมโครงการจะได้เรียนรู้วิธีการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ เรียนรู้การวางแผนออกแบบผลิตภัณฑ์ การบริหารงบการเงิน และที่สำคัญคือการได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ควบคู่กับความรู้ด้านดิจิทัล 4 ปีที่ผ่านมา โครงการ Equity Partnership’s School Network มีเครือข่ายสถานศึกษากว่า 50 แห่ง พัฒนาผลิตภัณฑ์ไปแล้ว 134 ชิ้น
แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ไม่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล
ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) สะท้อนมุมมองว่า ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เด็กต่างโรงเรียนที่นำมาผสมผสานกันในการแข่งขัน จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ล้ำค่า เป็นแนวคิดที่บ่งชี้ให้เห็นว่าเครือข่ายทุกภาคส่วน กำลังร่วมมือร่วมใจกันเตรียมความพร้อมให้เด็กและเยาวชนก้าวเข้าสู่สังคมที่หลากหลาย และพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคต การที่โครงการเดินทางมาถึงปีที่ 4 เป็นหมุดหมายอันดี ที่สะท้อนให้เห็นว่าความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ยังมีทางออกที่จะสร้างการศึกษาที่ดีขึ้นในอนาคตได้
“เหนือกว่าชัยชนะก็คือมิตรภาพ มิตรภาพถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ สิ่งนี้ถือเป็นผลลัพธ์สำคัญในการจัดงาน ขอชื่นชมความร่วมมือ มุ่งมั่น ทุ่มเท ของนักเรียนทุกคนที่ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ได้ และสามารถสร้างจุดแข็งให้ผลิตภัณฑ์สะท้อนอัตลักษณ์ชุมชน ยกระดับสินค้าสู่สากลได้อย่างน่าภูมิใจ”
โลกเปลี่ยน ทักษะเปลี่ยน เรียนรู้นอกห้องเรียน ทักษะจำเป็นศตวรรษที่ 21
การเรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในโลกยุคใหม่ ที่ทำให้เด็กมีทักษะที่จำเป็นในทศวรรษที่ 21 ธเนตร สภานนท์ รักษาการตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมการจัดการศึกษาเอกชน (สช.) จุดประเด็นนี้บนเวทีขึ้นมา เขามองว่าโลกการเรียนรู้ปัจจุบันได้พลิกโฉมหรือเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแล้ว ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต และมีหลากหลายวิธี ไม่ได้มีแค่ในห้องเรียนหรือในตำราอย่างเดียว ส่วนตัวมองว่าในอนาคตโครงการนี้ควรถอดองค์ความรู้เชิงลึก วัดความสำเร็จโครงการ จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเครือข่ายในอนาคต เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้เครือข่ายโรงเรียนนานาชาติสนับสนุน ร่วมมือในระยะยาวแบบโรงเรียนพี่น้อง ที่มีมิตรภาพแน่นแฟ้น หากทำได้เชื่อว่าจะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเบาบางลง
“มิตรภาพที่ทำให้เห็นความเสมอภาคทางการศึกษา ทำให้ผมประทับใจมาก โครงการนี้สะท้อนความสำเร็จผ่านผลงานทุกชิ้นของเยาวชน ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง 4 ปี สช. พร้อมร่วมมือเพื่อให้โครงการนี้ก้าวต่อไป เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็ก”
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงเรียนรัฐบาลในสังกัดกว่า 2 หมื่น 9 พันแห่ง เป็นโรงเรียนขนาดเล็กเกินครึ่ง และมีโรงเรียนขยายโอกาสกว่า 8,000 แห่ง การมีโครงการนี้ถือเป็นสิ่งล้ำค่าที่เปิดโอกาสให้เด็กโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลความเจริญ หรือโรงเรียนขยายโอกาสได้มีส่วนร่วมพัฒนาองค์ความรู้กับภาคเอกชน และภาคีนานาชาติ โดย สพฐ. ยืนยันว่าจะเดินหน้าสนับสนุนความสำเร็จของเด็กทุกคนต่อไป ขณะที่ พุทธวรรณ สุภัทรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร Sea (ประเทศไทย) ผู้ดูแลแอปพลิเคชัน Shopee ในฐานะภาคีเครือข่ายความเสมอภาคทางการศึกษา ย้ำจุดยืนว่า จะให้ความรู้ที่เป็นทักษะดิจิทัลช่วยสร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างศักยภาพนักเรียนให้หารายได้ด้วยตัวเองต่อไป รวมทั้งจะเดินหน้าให้ความรู้ทักษะผู้ประกอบการ ให้ทุกคนเตรียมพร้อมกับตลาดแรงงานในอนาคต
“เราหวังให้การเรียนรู้ของอาจารย์ นักเรียน จะถูกส่งต่อไปยังชุมชนได้ และในปีถัดไปยินดีอย่างยิ่งที่จะร่วมโครงการนี้ ปีหน้าจะส่งเสริมเรื่องการเรียนรู้ โดยจะให้ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจริงๆ มาให้ความรู้กับน้องๆ เพื่อนำแนวคิดต่างๆ ไปส่งเสริมความสำเร็จได้เร็วขึ้น”
เด็กกล้าแสดงออก ชุมชนมีรายได้ สร้างมิตรภาพระหว่างโรงเรียน
โครงการขยายผลและพัฒนาความร่วมมือสร้างเครือข่ายสถานศึกษาเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ Equity Partnership’s School Network’ ปีที่ 4 มีโรงเรียนเข้าร่วม 12 โรงเรียน แบ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส 7 แห่ง โรงเรียนนานาชาติ 5 แห่ง เด็กทุกคนที่เข้าร่วมโครงการบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นโอกาสดีและท้าทายที่ทำให้พวกเขากล้าแสดงออกมากขึ้น ได้เรียนรู้ ได้เจอมิตรภาพดี ขณะที่ก้าวต่อไปของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ยังคงเดินหน้าบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ที่เรียกว่า ‘เด็กและเยาวชน’ ให้เข้าถึงการศึกษาที่ดี ลบความเหลื่อมล้ำจากสังคมไทยต่อไป