นี่ไม่ใช่แค่การบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ธรรมดาทั่วไป จากภูมิปัญญาท้องถิ่นเพียงอย่างเดียว แต่คือการเปิดพื้นที่ให้เหล่า ‘นวัตกรรุ่นเยาวน์’ จากโรงเรียนชนบทและโรงเรียนในเมือง รวมทีมแข่งขัน ประชันความคิด เพื่อพลิกโฉมผลิตภัณฑ์พื้นถิ่น ยกระดับสินค้าออกสู่ตลาดสากล ขายในแอปพลิเคชัน Shopee แพลตฟอร์มออนไลน์ ที่สามารถขยายตลาดไปต่างประเทศได้ ผลิตผลิต 4 ปีที่ผ่านมา พบว่าฝีมือของเด็กที่เข้าร่วมโครงการ สร้างรายได้ไปแล้วกว่า 1 ล้าน 5 แสนบาท
เส้นทางการแข่งขัน เพื่อคว้าง ‘รางวัล Equity Partnership’s School Network’ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกทีมจะต้องผ่านด่านการตัดสินอย่างเข้มข้นจากคณะกรรมการ 3 หลักเกณฑ์ ได้แก่ การใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ลงไปในผลิตภัณฑ์ ( Creative Innovation) ฉายเรื่องราวให้เห็นภูมิหลัง ที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์ รวมถึงวิธีการสื่อสารจากบรรจุภัณฑ์ที่เปรียบเสมือนประตูด่านแรกที่ดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาซื้อของในแพลตฟอร์มออนไลน์ ต่อมาคือการทำงานเป็นทีม (TeamWork) ที่ทุกคนต้องวางแผนการทำงาน และเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม สามารถหลอมความคิดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ และสุดท้ายคือการทำการตลาด (Marketing/Selling) ที่ต้องวัดต้นทุนการผลิต วางแผนช่องทางการซื้อขายได้จริง ที่สำคัญต้องมีกำไรหลังหักต้นทุนทั้งหมดแล้ว
เด็กจากโรงเรียน 2 ขั้วทั้งในชนบทและนานาชาติ ที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า โครงการนี้ทำให้พวกเขากล้าแสดงออก กล้าคิด กล้าทำ กล้าลองผิดลองถูก ที่สำคัญทำได้เปิดโลกกว้าง มีมิตรภาพจากเพื่อนต่างถิ่น และได้เรียนรู้วิธีคิดที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้มีเอกลักษณ์ โดดเด่น เป็นสากลมากขึ้นจากคำแนะนำของเพื่อนร่วมทีมและคุณครูที่ปรึกษา
เมื่อเดินทางมาถึงวันประกาศผลการแข่งขัน ในโครงการ Equity Partnership’s School Network ปีที่ 4 มีทีมผู้ชนะทั้งหมด 3 ประเภท ทีมที่คว้ารางวัลที่ 1 คือทีม South ซี้ ที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าพันคอ mambrid Eco print พิมพ์ลายจากธรรมชาติ 100% เป็นฝีมือของน้องๆ โรงเรียนบ้านหนองธง จังหวัดพัทลุง ที่สานพลังความคิดกับโรงเรียนสาธิตประสานมิตรหลักสูตรนานาชาติ รางวัลที่ 2 ทีม Moonsilk พัฒนาสบู่ธรรมดาๆ ให้มีคุณค่าด้วยโปรตีนไหม จากน้องๆ โรงเรียนบ้านแกใหญ่ จังหวัดสุรินทร์สานพลังกับโรงเรียนนานาชาติเซนต์ แอนดรูว์ กรุงเทพฯ และรางวัลที่ 3 คือทีม TBS Team รังสรรค์กระเป๋าผ้าสะพายปักลายม้งประยุกต์และกระเป๋าผ้าคล้องมือปักลายม้งประยุกต์ จากโรงเรียนบ้านทับเบิกร่วมใจ จังหวัดเพชรบูรณ์ และโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพฯ เด็กๆ ทุกคนจะได้รับประกาศนียบัตรการันตีความสำเร็จ และเป็นความทรงจำดีๆ ระหว่างเพื่อร่วมทีม ที่เป็นเพื่อนร่วมทางการศึกษาในประเทศไทย
แม้การแข่งขันจะจบลงไป แต่สิ่งที่ยั่งยืนคือการปูเส้นทางเครือข่ายความเสมอภาคทางการศึกษา ควบคู่กับการพัฒนาธุรกิจในชุมชนท้องถิ่น ที่เรื่องราวของทุกๆ ผลิตภัณฑ์มีเรื่องราวของเด็กที่มาจากต่างวัฒนธรรม ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ล้ำค่า และหลอมรวมไปด้วยมิตรภาพ ออกสู่สาธารณะทั้งในและในทั่วโลก อีกทั้งยังทำให้เกิดการจุดประกายความหวัง พลิกฟื้นโรงเรียนที่ถูกตีตราว่าไร้โอกาสเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญหรือชนบท ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพร่วมกับเพื่อนๆ ต่างโรงเรียน ซึ่งถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จะรวมพลังภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ปลุกปั้นและทำงานเพื่อเด็กทุกคนให้เข้าถึงการศึกษาต่อไป