กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มีหน้าที่สร้างความเสมอภาคทางการศึกษา และพัฒนาประสิทธิภาพครู ให้มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอน พัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีศักยภาพแตกต่างกัน สนับสนุน ช่วยเหลือสถานศึกษาให้มีระบบการเรียนการสอน ที่ผู้เรียนสามารถศึกษาและพัฒนาได้ตามความถนัดของตนเอง
กสศ. จึงมีโครงการสังเคราะห์สาเหตุการหลุดออกจากระบบการศึกษาของนักเรียนในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไข โดยเฉพาะในนักเรียนกลุ่มเปราะบาง เพื่อปรับปรุงระบบการศึกษาให้เอื้อกับเด็กทุกคน ด้วยการศึกษาปัญหาและความต้องการของเด็กกลุ่มนี้ แล้วนำข้อมูลที่ได้จากกลุ่มเป้าหมายมาวิเคราะห์เป็นแนวทางสำหรับวางกรอบการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับกลุ่มเป้าหมายในการทำโครงการนี้ กสศ.ได้มุ่งเน้นไปที่กลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยง ซึ่งความหมายของ “กลุ่มเปราะบาง” คือ เด็กที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการภาครัฐ ถูกละเลยทางการศึกษา มีสภาวะทางจิตใจที่บอบบาง ได้รับผลกระทบจากปัญหาสังคมได้ง่ายทำให้การดำเนินชีวิตไม่สมบูรณ์ และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งความช่วยเหลือที่เหมาะสมได้
การดำเนินงานในโครงการฯ จะทำการเก็บข้อมูลแยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก สถานศึกษา ประกอบด้วยโรงเรียนที่มีนักเรียนรวม โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัด ส่วนกลุ่มที่สอง เป็นกรณีศึกษาเด็กเปราะบาง ประกอบด้วยเด็กพิการ 9 ประเภท เด็กยากจน และเด็กมีปัญหาเสี่ยงทางสังคม จะไม่เน้นการเป็นตัวแทนของประชากร เพราะวัตถุประสงค์หลักคือต้องการทำระบบความช่วยเหลือและแรงจูงใจให้นักเรียนอยู่ในระบบการศึกษา
สำหรับขั้นตอนการดำเนินโครงการ แรกเริ่มได้ประชุมวางแผนทำความเข้าใจกับบริบทของการจัดการศึกษาพิเศษในกลุ่มเปราะบาง เพื่อวางกรอบการเรียนรู้ในโครงการได้อย่างครอบคลุม ทำให้มองเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาให้ตรงจุดและทำได้จริง ซึ่งจากงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า สาเหตุที่ทำให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษา มาจากนโยบาย ที่ทำให้ผู้บริหารโรงเรียนปฏิเสธการรับเด็กกลุ่มเปราะบาง ด้วยเหตุผลคือความไม่พร้อมของโรงเรียน สาเหตุจากโรงเรียนคือการขาดระบบส่งต่อระหว่างโรงเรียน ครูขาดความเข้าใจเด็กกลุ่มเปราะบาง ขณะที่สภาพครอบครัวของเด็ก ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา ทั้งการไม่สามารถหาโรงเรียนที่เหมาะสมให้กับเด็กได้ ไม่ยอมรับว่าเด็กมีความพิการ ทำให้ไม่ฝึกเด็ก บางครอบครัวยังมองว่าเด็กกลุ่มนี้ไม่สามารถพัฒนาได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถทำความเข้าใจกับบริบทของเด็กกลุ่มเปราะบาง ก่อนจะวางกรอบในการจัดการศึกษาให้กับเด็ก จึงต้องศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้ในการหาข้อมูลของโครงการ ต้องศึกษาจากเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแทน ซึ่งพบว่าสาเหตุการหลุดจากระบบการศึกษามี 4 ประเด็นหลัก คือข้อจำกัดต่างๆ ทั้งด้านการใช้ชีวิตทั่วไป ที่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้ บางส่วนเกิดจากการถูกเลี้ยงดูในครอบครัวที่ไม่มีความพร้อม โดยเด็กกลุ่มเปราะบางส่วนใหญ่จะอยู่ในครอบครัวเปราะบาง งานวิจัยพบว่าเด็กที่ออกจากระบบการศึกษาตั้งแต่ ป.3 จะมีนิสัยก้าวร้าว ครอบครัวยากจน พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนแออัดและแหล่งอบายมุข ผู้ปกครองทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมให้เด็กเห็น
ขณะที่ เมื่อมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังพบว่ากว่า 80% ของครอบครัวเปราะบาง ได้รับผลกระทบอย่างหนักในด้านการเข้าถึงบริการสาธารณสุข และเศรษฐกิจโดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายและต้องดูแลเด็กจากกรณีสถานศึกษาปิด ทั้งหมดนี้นำไปสู่ผลกระทบต่อร่างกาย อารมณ์และจิตใจของเด็กโดยตรง
ส่วนข้อจำกัดเรื่องการศึกษาในระบบ พบว่ามีทั้งเด็กที่หลุดออกจากระบบชั่วคราวสามารถกลับมาเรียนต่อจนสำเร็จการศึกษาได้ ,หลุดออกจากระบบเพื่อไปศึกษานอกระบบ และการหลุดออกจากระบบถาวร ซึ่งเมื่อไปดูที่สภาพชีวิตของเด็กที่เสี่ยงหลุดจากระบบ ผลการศึกษาพบว่าเด็กกลุ่มนี้จะเริ่มจากการหยุดเรียนบ่อย บิดามารดาติดหนี้นอกระบบ มีโรคประจำตัวต้องพบแพทย์เป็นประจำ สภาพครอบครัวไม่สมบูรณ์ สภาพแวดล้อมที่เด็กอาศัยอยู่ ล่อแหลมต่อการถูกชักจูงให้มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่อมีการแพร่ระบาดของโควิด สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (TDRI) ยังพบเด็ก 46.2 % ไม่พร้อมเรียนออนไลน์ บางส่วนครอบครัวก็ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ เด็กต้องออกมาหารายได้ช่วยครอบครัว ทำให้ในจำนวนนี้เด็กต้องประสบปัญหาหลุดออกจากระบบการศึกษาที่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น จากการศึกษาผลวิจัยต่างๆ โครงการสังเคราะห์สาเหตุการหลุดออกจากระบบการศึกษาฯ โดย กสศ.มองว่าปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษาสำหรับเด็กกลุ่มเปราะบาง ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะผู้ปกครองที่ต้องร่วมมือกับโรงเรียน ภาครัฐที่ต้องสนับสนุนค่าใช้จ่ายส่งเสริมให้เด็กเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ครูและสถานศึกษาที่ต้องร่วมกันสังเกตพฤติกรรมของเด็ก และชุมชนที่ต้องมีส่วนร่วมดูแลความเป็นอยู่ของเด็กกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดด้วย