เป็นเรื่องที่พบเห็นอยู่เสมอกับการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองใช้ความรุนแรงกับบุตรหลาน ครูทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียน หรือแม้แต่กระทั่งความรุนแรงที่เกิดจากการกลั่นแกล้งรังแก หรือที่เรียกกันว่า ‘บูลลี่’ (bully) จากเด็กนักเรียนด้วยกันเอง
10 มีนาคม 2563 หรือ 1 ปีที่แล้ว ปรากฏข่าวเศร้าสลดเมื่อ มติชนออนไลน์ รายงานว่า พบเด็กนักเรียนชั้น ม.2 เขียนจดหมายลาตาย ข้อความว่า “ลาก่อนเด้อทุกคน ที่ผมทำไปมันเป็นเอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเรียน มันเกี่ยวกับเพื่อนในห้อง ถูกเคยล้อ เคยแกล้ง จนถึงทุกวันนี้ ผมทนไม่ไหวจิงๆ เลยจะจบชีวิตตนเอง”
เครือข่ายครอบครัว เผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ประเทศไทยเรามีการบูลลี่สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศญี่ปุ่น
จากการสำรวจของเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน ปี 2563 พบว่า ในกลุ่มเด็กอายุ 10-15 ปี จาก 15 โรงเรียน จำนวน 1,500 คน มีเด็กถึง 91.79 เปอร์เซ็นต์ เคยถูกบูลลี่
วิธีบูลลี่ที่พบมากที่สุดคือ การตบหัว 62.07 เปอร์เซ็นต์ รองลงมา ล้อบุพการี 43.57 เปอร์เซ็นต์ พูดจาเหยียดหยาม 41.78 เปอร์เซ็นต์ และอื่นๆ เช่น นินทา ด่าทอ ชกต่อย ล้อปมด้อย พูดเชิงให้ร้าย เสียดสีผ่านโลกโซเชียล นอกจากนี้เด็ก 1 ใน 3 หรือ 35.33 เปอร์เซ็นต์ เคยถูกกลั่นแกล้งรังแกประมาณเทอมละ 2 ครั้ง และเด็ก 1 ใน 4 หรือ 24.86 เปอร์เซ็นต์ ถูกกลั่นแกล้ง 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์เลยทีเดียว