กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จับมือกับโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอร์รี่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และบริษัท JD Central เพื่อลุกขึ้นมาเป็นจุดเริ่มต้นของโมเดลต้นแบบการสร้างโอกาสทางการศึกษา ภายใต้โครงการพัฒนานวัตกรรมเครือข่ายสถานศึกษาเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (Equity Partnership’s School Network)
โครงการนี้เกิดจาก 10 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการตลาดวาดฝันนำผลิตภัณฑ์ชุมชนและภูมิปัญญาอยู่แล้ว มาปรับโฉมให้สวยงาม ทันสมัย เป็นประโยชน์ และสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่เหมาะสม ผ่านการทำงานเป็นทีม และการพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับโรงเรียนนานาชาติ โดยได้เรียนรู้เทคโนโลยี e-commerce และทักษะผู้ประกอบการในศตวรรษที่ 21 จากบริษัท
และนี่คือการเดินทางบนลายเส้นแห่งการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นตลอด 9 เดือนจนกระทั่งผลิตภัณฑ์ส่งถึงมือผู้ใช้ ผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งผู้อำนวยการโรงเรียน ครู นักเรียนโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชนได้รับประสบการณ์อะไรบ้าง มาติดตามไปพร้อมกันเลย
ผอ.ลาภิศ โคตรวันทา
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองนกทา จ.อุบลราชธานี
อะไรทำให้ผอ. ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้
โครงการนี้เป็นการเปิดโอกาส สร้างโอกาสให้เด็ก ทำให้เด็กมีอาชีพ เหมือนให้ชีวิตเด็ก
กว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายได้ ผ่านอะไรมาบ้าง
เรามีปัญหาว่าเด็กหนีออกจากห้องเรียน เล่นมือถือ เราตั้งคำถามว่าจะเก็บเด็กยังไง ทำยังไงพวกเขาถึงจะสนใจ เลยตัดสินใจซื้อเส้นพลาสติกมาให้นักเรียนสาน เพราะมันนำมาใช้ใหม่ได้ เริ่มสานจากลายง่ายๆ ทำตะกร้า กระเป๋ามีซิป จากนั้นก็เริ่มทำตามรูปแบบลายที่ยากขึ้น พวกลายพิกุล ลายเกลียว ลายหัวใจเศรษฐี เราสอนเด็กให้ทำลายตามที่เราบอกก่อน แต่นักเรียนทำพลาด แต่ดีมากที่พลาดเพราะมันเกิดเป็นลายใหม่
พอเก่งขึ้นเราเลยลองสานจากวัสดุธรรมชาติ คือ ตอกไม้ไผ่ จัดอบรมให้เด็กกลุ่มยากจนมาทำสานร่วมกัน 40 คน แบ่งกันขึ้นรูปปากกา แจกัน กระเป๋า เคส ปกสมุด โพสต์ขายก็มีเทศบาล และพ่อค้ามาสั่งซื้อบ้าง
เมื่อเข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้เรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไรบ้าง
ได้เยอะเลย เรื่องการสร้างแบรนด์ เราไม่รู้เรื่องเลยว่าตัวตนเราเป็นยังไง เราไม่ได้ใส่ใจตรงนั้นเลย พอเขามาบอกว่าต้องมีแบรนด์ให้เป็นเอกลักษณ์ ต้องวางแผนการตลาดก่อนที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ ต้องมองลูกค้าว่ามีความสนใจสิ่งไหน มากน้อยแค่ไหน เลยออกมาเป็น “ปากกาสานฝัน” ภายใต้แบรนด์สัตบรรณงานสาน
ขณะทำงานร่วมกับอีกโรงเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้าง
ตอนแรกก็หวั่นใจ เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษ แต่ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอุปสรรค เพราะมีล่าม เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมการอยู่ร่วมกัน เขาน่ารักมาก เขาพร้อมที่จะปรับและดูแลเรา เขาบอกว่าเราจะหาวิธีเรียนรู้ไปพร้อมคุณให้ได้ ประทับใจในมิตรภาพมาก
เขารู้ว่าเด็กจากต่างจังหวัดจะขี้อาย เขาก็พยายามทำให้น้องกล้าพูด เขาอาจจะไม่รู้ภาษาของเรา แต่เขาพยายามแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ทำให้เราได้รับแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจจากพี่ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ตอนแรกที่จะไป เด็กๆ กลัวมาก ที่ไปเพราะ ผอ ชวนขึ้นเครื่องบิน แต่พอไปจริงๆ แล้วสนุก
ถ้าโครงการจะเปิดรับสมัครในรอบที่ 2 ผอ. มีอะไรอยากบอกโรงเรียนอื่นบ้างมั้ย
โครงการนี้ประโยชน์เกิดขึ้นกับเด็กจริงๆ มันเป็นการทำให้ทั้งโลกรู้ว่าเรามีผลิตภัณฑ์แบบนี้อยู่ มีคนช่วยตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งให้เงิน สอน และวางขาย เราเองก็อยากสมัครอีกในรอบที่ 2 เพื่อจะเปิดโอกาสให้เด็กคนอื่นได้ไป
ตอนนี้เราก็ได้ต่อยอดสินค้า ใช้ใยกล้วยตานีเพราะให้สีธรรมชาติไม่ซ้ำใคร เพิ่มสินค้าให้มีเยอะขึ้น ทอเป็นผ้า เป็นกระเป๋า ไม่ผิดหวังที่มาร่วมโครงการ สมกับคำว่านวัตกรรมจริงๆ
ครูฤทัยรักษ์ โกละกะ
โรงเรียนบ้านท่าแซะ จ.สุราษฎร์ธานี
อะไรที่ทำให้ครูเข้าร่วมโครงการนี้
โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เข้าถึงนักเรียนที่เป็นนักเรียนยากจน สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่นักเรียน แบ่งเบาภาระครอบครัว และเรามีความสนใจที่จะนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในโรงเรียน ออกจำหน่ายสู่ตลาดที่กว้างขึ้น
กว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายได้ ผ่านอะไรมาบ้าง
เดิมผลิตภัณฑ์ที่โรงเรียนนำไปแสดงผลงานเป็นการกัดลายกระจก แต่เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยอาจจะได้แค่การประดับบ้านเรือน และเป็นของที่ระลึก คนที่สนใจซื้อน่าจะน้อย พอเข้าร่วมโครงการเลยได้คิดผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา จนเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นในขวดแก้วกัดลาย แบรนด์ cocomarketeers
เมื่อเข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้เรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไรบ้าง
เราปรึกษากันในทีม พบว่าชุมชน และบ้านของนักเรียนมีมะพร้าว ซึ่งขายได้ในราคาถูก เราเลยพานักเรียนไปฝึกอบรมการทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ทดลองทำที่โรงเรียนก็ประสบผลสำเร็จ จึงเกิดเป็นผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมา และบนขวดที่บรรจุก็กัดลายให้เป็นรูปที่เป็นของดีเมืองสุราษฎร์ธานี ภูมิใจในผลการดำเนินการที่เกิดขึ้นมาก
ขณะทำงานร่วมกับอีกโรงเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้าง
ดีใจที่ได้ร่วมงานกับนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ เขาเป็นแบบอย่างและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียนในชนบทได้
ถ้าโครงการจะเปิดรับสมัครในรอบที่ 2 ครูมีอะไรอยากบอกโรงเรียนอื่นบ้างมั้ย
เป็นโครงการที่ดี สิ่งที่ได้รับมากกว่าเงินทุนสนับสนุน คือ ประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจของเด็กๆ ในโครงการ ความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นกับนักเรียนที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานจนเป็นที่รู้จักและน่าชื่นชม นักเรียนมีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น มีความกล้าแสดงออกมากขึ้น
ขอเชิญชวนให้สมัครเข้าร่วมโครงการกันนะคะ
ครูทวีศักดิ์ ธิมา
ครูโรงเรียนแม่ตะละวิทยา จ.เชียงราย
อะไรที่ทำให้ครูเข้าร่วมโครงการนี้
เราทำผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว แต่ตลาดที่มียังแคบ เราก็ทำมาเรื่อยๆ ไม่มีเป้าหมายจนถึงทางตัน พอมีโอกาสเข้ามาเราเลยรีบคว้าไว้
กว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายได้ ผ่านอะไรมาบ้าง
ที่ผ่านมาเราทำหมอนอิงปักลายที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวม้ง ก็พัฒนามาเรื่อยๆ จำหน่ายในงานประชุม แต่ก็ยังไม่เหมาะกับตลาด พอได้เข้าร่วมโครงการเลยเสนอทำเนคไท แต่ยังเหมาะกับแค่ผู้ชาย สุดท้ายเลยเสนอเป็นลายผ้าปัก ที่คงความเป็นม้งไว้ แต่ไม่ใช่ม้งจ๋า ทางน้องนานาชาติก็เสนอว่าให้ทำบนกระเป๋าผ้า จึงได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์กระเป๋าถือจากผ้า (Clutch) แบรนด์ “Yus tsev อยู่เจ๋”
ในมุมมองของครู เด็กๆ รู้สึกอย่างไรที่ได้ร่วมโครงการนี้
เด็กตื่นเต้นที่ได้ลงจากดอยไปหาความเจริญ แรกๆ ไม่กล้าพูดเพราะพูดไม่ชัด รู้สึกประหม่า แต่พอเจอบ่อยขึ้น ก็พูดมากขึ้น มีความกระตือรือร้นที่จะทำงานมาก
จากเด็กดอยที่ไม่กล้าสื่อสาร แล้วมาถามว่า “จะไปอีกมั้ย โครงการจบแล้วหรอ”
พี่ที่เข้าร่วมโครงการกลับมาเล่าให้น้องฟัง จุดประกายให้น้องสนใจในงานผ้าปักเพิ่มขึ้น เพราะอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนพี่
ถ้าโครงการจะเปิดรับสมัครในรอบที่ 2 ครูมีอะไรอยากบอกโรงเรียนอื่นบ้างมั้ย
เป็นโอกาสที่ดีมากๆ ไม่ง่ายเลยที่โรงเรียนบนดอยจะได้นำเด็กไปเปิดหูเปิดตา หรือแม้แต่ครูเอง ถ้าได้โอกาสก็ลงไปเลย ไม่มีอะไรเสียหาย ทุกครั้งที่เด็กไปเราไป เรากลับมามีความสุข
โอกาสแบบนี้ควรคว้าแบบไม่ต้องคิดเลย
เด็กหญิงจิตสุภา แซ่เล้า
นักเรียนโรงเรียนแม่ตะละวิทยา จ.เชียงราย
น้องขวัญรู้สึกยังไงบ้างที่ได้ร่วมโครงการนี้
หนูรู้สึกภูมิใจที่ได้นำเสนอเอกลักษณ์ของหนูให้ทุกคนได้รู้จัก แบรนด์อยู่เจ๋ เป็นภาษาม้งแปลว่าบ้านเรา
ประทับใจอะไรมากที่สุด
ชอบที่ได้รวมตัวทำกิจกรรมกับเพื่อน ครู พี่ๆ นานาชาติ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ได้ออกแบบลายให้สวย และขายได้
ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
ทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น เพราะตอนแรกหนูไม่กล้าคุย อยู่นิ่งๆ พี่เค้าทักทายก็ไม่กล้าตอบ พอถึงตอนนี้ก็กล้าแล้วค่ะ หนูกลับมาเล่าให้น้องฟัง น้องก็อยากทำต่อจากหนู อยากไปแบบหนู
ถ้าให้สมัครอีกมามั้ย
อยากไปมากเลยค่ะ
อยากให้ชวนเพื่อนมาสมัคร
มาร่วมโครงการด้วยกันมั้ยคะ
นายณภัทร อภิศักดิ์ศิริกุล
นักเรียนโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอร์รี่ จ.กรุงเทพ
อะไรที่ทำให้พัตเตอร์เข้าร่วมโครงการนี้
ไม่เคยได้ทำอะไรแบบนี้มาก่อน เราอยากเป็นคนนึงที่มีส่วนร่วมในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม จากที่เรียนมา เมืองไทยมีปัญหามายาวนาน เราอยากแก้ปัญหา เราอยากให้ทุกคนมีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ถ้าไม่เท่ากับคนอื่น เราก็ไปพร้อมกันไม่ได้ และมีความสนใจด้านธุรกิจอยู่แล้วด้วย เราเลยอยากรู้ โอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ
ทำงานกับน้องขวัญเป็นยังไงบ้าง
คุยผ่านสไกป์ บางทีสัญญาณไม่ดี บางทีน้องก็เขินอายพูดอึกอัก ตอนแรกเราก็ไม่กล้าพูด พอทำงานเรื่อยๆ ก็กันเองมากขึ้น เราพยายามให้น้องพูด ยูมีไรพูดก็พูดมาเลย พวกพี่อยากรู้ว่าน้องคิดยังไง ชอบอะไร เขาก็เลยกล้าพูด
ได้เรียนรู้อะไรจากโครงการนี้บ้าง
เราได้พบผู้คนใหม่ๆ ได้แลกเปลี่ยนไอเดียมุมมองด้านธุรกิจ ส่วนตัวได้เรียนรู้การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ พอเราเรียนจบไปทำงาน เราก็จะรู้ว่าโลกความเป็นจริงเป็นแบบนี้ มีความยากความท้าทาย เรื่องการตลาด ลูกค้า การตั้งราคาสินค้าที่มีค่าเหนื่อย
ถ้าโครงการจะเปิดรับสมัครในรอบที่ 2 พัตเตอร์มีอะไรอยากบอกโรงเรียนอื่นบ้างมั้ย
การที่มาทำแบบนี้ เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่ได้มีง่ายๆ ได้เป็นส่วนหนึ่งทำให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น พอทำเสร็จแล้วทั้งเราและเขาต่างรู้สึกดี
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผอ. ครู นักเรียนในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ
ขณะนี้ประตูแห่งโอกาสได้เปิดรับทุกท่านให้มีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพการศึกษาไปด้วยกันแล้ว…
เพราะเราเชื่อว่าเด็กทุกคนมีศักยภาพ
สามารถเติมเต็มกันและกัน และลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำได้