การระบาดใหญ่ได้ทำหน้าที่เพื่อเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในการศึกษาระดับอุดมศึกษา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิธีการเรียนออนไลน์และการเรียนทางไกลทำได้ดีมากยิ่งขึ้นแบบก้าวหน้าอย่างครอบคลุมแม้จะมีความยากลำบากอยู่บ้าง ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีที่สำคัญอื่นๆ ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วม และผลลัพธ์ของการเรียนรู้
แม้ว่าคำว่า “เมตาเวิร์ส” จะมีมาเป็นระยะเวลา 30 ปีแล้ว นับตั้งแต่การตีพิมพ์นิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง Snow Crash โดยนีล สตีเฟนสัน คำศัพท์นี้ได้กลายเป็นคำศัพท์ที่ฮิตของฤดูใบไม้ร่วงในตอนนั้น ปัจจุบัน Facebook ได้เปลี่ยนแปลงเป็น Meta จากการประกาศของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg CEO) หลังจากนั้น Microsoft ก็ประกาศว่ากำลังเปิดตัว Mesh ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเสมือนจริงที่ช่วยให้สามารถนำเสนอตนและแบ่งปันประสบการณ์ได้จากทุกที่ บนอุปกรณ์ใดก็ได้ ผ่านแอปพลิเคชันที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจริง
สิ่งที่เราเห็นในประกาศเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอยู่ก่อนหน้าแล้วในเกม Second Life ของบริษัท Linden Labs และใน Minecraft และ Roblox และยังมีผู้จัดทำแพลตฟอร์มแบบเสมือนจริงรายอื่นๆที่ทำไว้บ้างแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม Roblox ได้ประกาศเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือเพื่อพัฒนาชุดการเรียนรู้ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และในระดับวิทยาลัย เป็นมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ ตามที่กล่าวไว้ใน The Wall Street Journal “หนึ่งในเกมที่บริษัทกำลังระดมเงินทุนจะสอนเกี่ยวกับวิทยาการหุ่นยนต์ อีกเกมหนึ่งจะเน้นที่การสำรวจอวกาศ และเกมที่สามจะช่วยนักเรียนในการสำรวจอาชีพและแนวคิดในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์” สิ่งใหม่ในการเปิดใช้งาน เมตาเวิร์ส (metaverse) ที่ใช้การขับเคลื่อนโดยการเปิดตัวบรอดแบนด์ผ่าน 5G, Starlink, สายเคเบิลความเร็วสูง 10G และเครือข่ายแบบอะนาล็อก ทั้งนี้ ในเทคโนโลยีที่มีความหน่วงต่ำก็ยังคงสามารถใช้ความจริงเสริมแบบเรียลไทม์ (real-time augmented) และความเป็นจริงเสมือนได้ (virtual reality) ซึ่งฉันคาดหวังว่าอีกไม่นาน เมตาเวิร์ส (metaverse) จะถูกนำมาใช้ในการศึกษาระดับอุดมศึกษากลายเป็นแพลตฟอร์มของระบบการจัดการเรียนรู้ที่ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มแบบต่อเนื่อง มีความเป็นไปได้ในการสื่อสารที่หลากหลาย และลักษณะโลกเสมือนจริงในเชิงลึกเพื่อนำมาซึ่งผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ดีขึ้น ความสามารถของเมตาเวิร์ส (metaverse) ในการมีส่วนร่วม (และการทำซ้ำ) ในกิจกรรมทางกายภาพ ขณะที่อยู่ในสภาพแวดล้อมความเป็นจริงเสมือนหรือความจริงเสริมแบบเรียลไทม์จะช่วยเพิ่มมิติการเรียนรู้ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งกับห้องเรียนแบบดั้งเดิมหรือห้องเรียนเสมือนจริง นอกเหนือไปจากการเล่าเรื่อง การมีภาพประกอบและวิดีโอในตำราเรียนเท่านั้น
Non-Fungible tokens (NFTs) ถูกนำมาใช้ได้ในบล็อกเชน (blockchain) ตามที่ Jeffery Young อธิบายไว้ “นั่นหมายความว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยให้คุณสร้างไฟล์ดิจิทัลที่ไม่เหมือนใคร—และการกำหนดรหัสไว้เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเป็นของแท้ NFTs ใช้บล็อกเชน (blockchain) ซึ่งเป็นกรอบทางเทคนิคเดียวกันกับที่ทำให้ bitcoin และ cryptocurrencies อื่น ๆ ที่เป็นไปได้” เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับ NFTs จะมุ่งเน้นไปที่การขายงานศิลปะต้นฉบับหรือสิ่งประดิษฐ์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำใคร แต่โครงสร้างของบล็อกเชน (blockchain) ก็ช่วยทำหน้าที่สำคัญในการตรวจสอบสุกลเงินดิจิทัล (โทเคน:Token) มหาวิทยาลัย MIT ได้ริเริ่มดำเนินการและส่งเสริมการใช้บล็อกเชน (blockchain) ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบใบรับรองของวิทยาลัย ใบรับรองผลการเรียน และการเปิดโอกาสให้สำหรับความหลากหลายของเจ้าของ e-portfolios ซึ่งอาจจะเป็นผู้เรียนและอาจารย์ที่สามารถแบ่งปันกันได้ แทนที่จะเป็นมหาวิทยาลัยกระทำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งเหล่านี้จะได้รับการตรวจสอบความถูกต้องผ่านบล็อกเชน (blockchain) ทั้งหมด
ศาสตราจารย์ Beau Brennan ในฐานะศาสตราจารย์รับเชิญที่มหาวิทยาลัย Pepperdine เขียนใน LinkedIn ว่า NFTs จะมาแทนที่ประกาศนียบัตรและเรซูเม่
โดยสรุป กล่าวคือ การศึกษาระบบ NFT มีการรับรองความเสมอภาคมากขึ้น การศึกษาจึงมีความเท่าเทียมกันและเปิดกว้างมากขึ้น ครู อาจารย์สามารถได้รับการชดเชยหรือค่าตอบแทนสอดคล้องกับงานของพวกเขา
ครู อาจารย์สามารถที่จะเป็นตัวของตัวเองหรือ “สถาบัน” ก็ได้ ส่วนนักเรียนนั้นสามารถสร้างการเรียนรู้ตามความต้องของตนเองได้ สามารถจัดการการศึกษาของตนเองได้มากยิ่งขึ้น และจะรู้สึกตื่นเต้นกับการเรียนรู้มากขึ้น รวมทั้งการแสวงหาวิธีการ “รวบรวม” ประสบการณ์ของตนเองอย่างกระตือรือร้น ในส่วนของอาชีพ ระบบนี้จะช่วยให้มีประวัติย่อที่ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันยังช่วยให้มีโอกาสมากขึ้นในการติดต่อกับบริษัทต่างๆ
DAO—องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์—เป็นคำย่อของบล็อกเชน (blockchain) อีกตัวที่ค่อนข้างใหม่ในระบบการศึกษา ด้วยวิธีการนี้ หลักสูตรเทคโนโลยี ใบรับรอง และอื่นๆ สามารถกลายเป็นระบบอัตโนมัติและได้รับรองความถูกต้องบนบล็อกเชน (blockchain) ซึ่ง Cathy Hackl เขียนไว้ใน Forbes,
คุณลองนึกภาพวิธีการจัดระเบียบร่วมกับคนอื่นๆทั่วโลกโดยไม่ต้องรู้จักกันและตั้งกฎเกณฑ์ของคุณเอง และคุณสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองในการเข้ารหัสทั้งหมดบนบล็อกเชน (blockchain) ได้หรือไม่?
DAOs กำลังทำให้สิ่งนี้เป็นจริง ซึ่ง Wikipedia ได้นิยาม DAO (Decentralized Autonomous Organisation) ในฐานะองค์กรที่ออกกฎโดยการเข้ารหัสซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่โปร่งใส มีการควบคุมโดยสมาชิกภายในองค์กร และไม่ได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลกลาง เนื่องจากกฎต่างๆ ถูกฝังอยู่ในการเข้ารหัส จึงไม่จำเป็นต้องมีผู้จัดการ จึงสามารถจัดการกับปัญหาด้านระบบราชการหรือลำดับชั้นใดๆก็ได้ ทั้งนี้ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบางคนในปัจจุบันและผู้ใช้รุ่นต่อไปต่างตั้งตารอที่จะเริ่มองค์กรทางสังคม โดยการค้นหาคำตอบที่ว่า: “เราจะเปลี่ยนค่านิยมในสภาพแวดล้อมที่เชื่อถือได้ได้อย่างไร”
ในกรณีของการเรียนด้วยตนเอง สามารถฝังชุดการประเมินที่มีการให้คะแนนโดยอัตโนมัติและออก NFT ตามความสามารถที่แสดงไว้ โดยสมาชิกของ DAO อาจจะประกอบไปด้วยคณาจารย์ (และนักศึกษา) ซึ่งเป็นผู้กำหนดเกณฑ์สำหรับ NFT แนวคิดนี้สามารถปรับขนาดให้ครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัยได้ นักการศึกษาชาวจีนได้ทดลองโดยการพัฒนาเนื้อหาร่วมกันระหว่างนักศึกษาและคณาจารย์ และการจัดการโครงสร้าง/การแบ่งปันหลักสูตรด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านการบริหารที่น้อยที่สุด:
กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน … กำลังวางแผนที่จะสร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทรัพยากรทางการศึกษาเข้าถึงได้มากขึ้นและราคาสามารถจ่ายได้ นำโดย Tsinghua x-lab ศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรมที่มหาวิทยาลัยชิงหวาของจีน (Tsinghua university) พร้อมด้วยสถาบันการศึกษาอื่นๆ อีกหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking university) และมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง (Zhejiang university) ความคิดริเริ่มนี้ถูกเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ …ในการทำเช่นนั้น ศูนย์นวัตกรรมของมหาวิทยาลัยพยายามที่จะสร้างองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ (หรือ DAO) บนพื้นฐานโปรโตคอลบล็อกเชน และมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยใดๆสามารถเข้าร่วมเป็นการกระจายแบบโหนดได้ สอดคล้องกับ x-lab กล่าวว่า เป้าหมายสุดท้ายก็คือการให้ผู้เข้าร่วมโหวตสำหรับการพัฒนาในอนาคตและการใช้งานบนแพลตฟอร์ม ในขณะที่นักเรียนและคณาจารย์อาจจะเข้าถึงทรัพยากรทางการศึกษาจากสถาบันต่างๆ ที่แชร์ผ่านบัญชีแยกประเภท
Runy Calmera ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ ครู และนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล คิดเกี่ยวกับการศึกษาแบบ “pop-up”โดยใช้บล็อกเชน DAO (องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์) พูดใน TEDx talk ของเขา
อนาคตของเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงในระดับอุดมศึกษา ใครที่กำลังติดตามการประยุกต์การนำมาใช้และการพัฒนาของ metaverse, NFTs และ DAOs ที่มหาวิทยาลัยของคุณอยู่บ้าง? หรือคุณที่กำลังเตรียมตัวที่จะใช้ metaverse, NFTs และ DAOs เพื่อเพิ่มศักยภาพในวิธีการสอนที่สถาบันของคุณอยู่หรือไม่?
ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.insidehighered.com/digital-learning/blogs/online-trending-now/tech-trends-higher-ed-metaverse-nft-and-dao