การศึกษานับตั้งแต่โบราณมามักเริ่มต้นจากกระบวนการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติรอบตัว ถึงแม้ประวัติศาสตร์หลายพันปีผ่านไป แต่กระบวนการศึกษาของมนุษย์ก็ยังคงให้ความสำคัญและเกี่ยวโยงกับธรรมชาติเป็นหลักมาเสมอ แม้แต่โรงเรียนในปัจจุบันก็ยังมีการจัดกิจกรรมอย่างการปลูกต้นไม้ การเรียนรู้ที่จะตอนกิ่ง ปักชำ เพาะเมล็ด ฯลฯ แต่นอกเหนือไปจากการปลูกฝังจิตสำนึกรักธรรมชาติและการรณรงค์เกี่ยวกับสภาวะโลกร้อนแล้ว ต้นไม้สามารถส่งผลอย่างไรกับนักเรียนในโรงเรียนได้อีกบ้าง?
มีงานศึกษาของ ตงหยิง หลี (Dongying Li) และคณะ (2019) ได้เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างภายในโรงเรียนมัธยมปลายมลรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า จำนวนความหนาแน่นของต้นไม้บริเวณรอบโรงเรียนมีผลสัมพันธ์กับผลคะแนนวัดระดับการใช้เหตุผลและการสื่อสารที่จำเป็นสำหรับการเรียนในระดับปริญญาตรี (American College Testing: ACT) โดยเฉพาะหากต้นไม้นั้นมีความหนาแน่นอยู่ในระยะ 1 ไมล์รอบโรงเรียน ก็ยิ่งส่งผลไปในเชิงบวกต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็ก และยังส่งผลไปถึงทักษะการจัดการความรู้ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยอีกด้วย
ที่มาของการหันมาสนใจความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับต้นไม้ เริ่มมาจากการที่ผลการวัดระดับของประเทศสหรัฐอเมริกาโดยองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ในปี 2016 มีรายงานออกมาว่า ประสิทธิภาพทางการอ่านของนักเรียนสหรัฐอยู่เพียงแค่ระดับปานกลาง และความสามารถทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ถึงแม้จะมีการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษาต่อหัวมาตลอดระยะเวลา 5 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านการอ่านและการคำนวณทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนได้ตามผลการสอบ PISA (Program for International Student Assessment)
การเพิ่มงบประมาณลงไปในภาคการศึกษาให้มากขึ้น ดูเหมือนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกได้เพียงเล็กน้อย ดังนั้นยุทธศาสตร์การจัดการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการศึกษาในแง่มุมใหม่ๆ จึงค่อยๆ ถูกพัฒนามากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว การริเริ่มจัดการตำแหน่งแห่งหนของต้นไม้และธรรมชาติโดยรอบสถานศึกษาเองก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ทางเลือกเช่นกัน
หมิง คู (Ming Kuo) และคณะ (2021) ได้ทำการศึกษาในผลงานชื่อว่า ‘Greening for Academic Achievement: Prioritizing What to Plant and Where’ มีข้อค้นพบที่น่าสนใจว่า การเรียนรู้ของนักเรียนจะเพิ่มไปในทางที่ดีขึ้นได้นั้นมีผลมาจากความสามารถในการให้ความสนใจกับชั้นเรียน (attention) และการขาดความสนใจของนักเรียนจะส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในทางวิชาการของนักเรียนที่ลดลง
ทฤษฎีการกู้คืนความสนใจ (Attention Restoration Theory: ART)ที่อธิบายถึงการเยียวยาการขาดความสนใจทางตรงในห้องเรียนโดยเปลี่ยนความสนใจของนักเรียนมาสู่สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูประสิทธิภาพในการให้ความสนใจขึ้นมาใหม่จึงได้รับความนิยม และงานวิจัยยังได้ระบุอีกว่า การสอนทักษะทางสังคมและวิชาการในชั้นเรียนมีความอ่อนไหวมากหากได้รับผลกระทบจากตัวแปรภายนอก
การจัดการสภาพแวดล้อมรอบห้องเรียนให้มีความเกี่ยวข้องกับธรรมชาติจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากจะทำให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนรู้ได้ดีขึ้นแล้ว ยังให้ผลลัพธ์อื่นๆ ตามมาอีกด้วย อย่างเช่น การพัฒนาการควบคุมและยั้งคิด (self-discipline) การพัฒนาแรงจูงใจภายใน เพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียน สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้อย่างสงบ เป็นต้น ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจะนำไปสู่ความสำเร็จในเชิงวิชาการทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ผลจากงานศึกษาข้างต้นได้ระบุว่า การปลูกหญ้าให้ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบหรือภายในโรงเรียนนั้น ไม่ส่งผลกระทบหรือมีความสัมพันธ์กับผลการศึกษาหรือความสามารถด้านวิชาการของนักเรียน ซึ่งแตกต่างจากการปลูกไม้ยืนต้นที่ให้ผลไปในเชิงบวกต่อความสามารถด้านการเรียนและผลลัพธ์ทางวิชาการ โดยคณะผู้วิจัยยังได้แนะนำต่อไปอีกว่า ในกรณีโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตเมืองที่มีสถานที่แคบและราคาของที่ดินแพงกว่าโรงเรียนในเขตต่างจังหวัด การลงทุนไปกับการปลูกต้นไม้ภายในโรงเรียนอาจจะคุ้มค่าและให้ประโยชน์ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนมากกว่าการปลูกหญ้าหรือซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อปูสนามหญ้า
การจัดการสภาพแวดล้อมของโรงเรียนให้มีต้นไม้อย่างสม่ำเสมอและเหมาะสม จึงควรเป็นหนึ่งในความสนใจของผู้บริหารโรงเรียนในระดับเดียวกับการให้ความสนใจสิ่งอื่นที่สำคัญพอๆ กัน เพราะการเพิ่มจำนวนและคุณภาพของต้นไม้ภายในสถานศึกษาอาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งทางออกของการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลทางการศึกษาของนักเรียนโดยที่ไม่ต้องเพิ่มรายจ่ายด้านการศึกษาไปกับตัวเลือกเดิมๆ ที่ให้ผลลัพธ์น้อยกว่าก็เป็นได้
อ้างอิง
- Dongying Li, Yen-Cheng Chiang, Huiyan Sang, William C. Sullivan. Beyond the School Grounds: Links between Density of Tree Cover in School Surroundings and High School Academic Performance. Urban Forestry & Urban Greening. Volume 38. 2019. Pages 42-53, ISSN 1618-8667.
- Ming Kuo, Samantha E Klein, Matthew HEM Browning, Jaime Zaplatosch. Greening for Academic Achievement: Prioritizing What to Plant and Where. Landscape and Urban Planning. Volume 206. 2021. ISSN 0169-2046.