กลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ LearnBig คือ กลุ่มเด็กและเยาวชนผู้มีฐานะยากจน ใน 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ นครนายก ยะลา แม่ฮ่องสอน สงขลา และขอนแก่น โดยคุณสมบัติการเข้าร่วมโครงการคือ เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย นักศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ที่เคยลงทะเบียนมาแล้ว 1 ภาคเรียน หรือเป็นนักศึกษาใหม่ที่คาดว่าจะศึกษาตลอดภาคเรียนที่ 1 ของปีการศึกษา 2567 โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ 1) ทำให้เด็กอ่านหนังสือเป็นประจำ 2) สร้างทักษะและความมั่นใจในการเรียน และ 3) สนับสนุนครูให้เป็นแรงเสริมในห้องเรียนและที่บ้าน
มารู้จักกับ Application LearnBig กันเถอะ
สำหรับกระบวนการจุดประกายพฤติกรรมรักการอ่านนี้ แอพพลิเคชัน LearnBig เริ่มจากกระบวนการสนับสนุนให้เยาวชนอ่านหนังสือผ่านแอพพลิเคชัน LearnBig จากนั้นกระบวนการทำงานจะแปลงแต้มการอ่านเป็นเหรียญแห่งการเรียนรู้ (Learning Coin) ซึ่งจำนวนเหรียญนี้เองที่สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นทุนการศึกษาตามที่เยาวชนต้องการ ซึ่งเป้าหมายเบื้องหลังของการใช้แอพพลิเคชันนี้คือการสนับสนุนและดึงดูดให้เยาวชนเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งผู้ออกแบบแอพพลิเคชันเชื่อว่า การใช้การอ่านแลกเหรียญและแปลงทุนการศึกษา จะทำให้ในท้ายที่สุดเยาวชนเกิดนิสัยรักการอ่าน
แผนภาพที่ 1 การทำงานของแอพพลิเคชัน LearnBig

แผนภาพที่ 2 แอพพลิเคชัน LearnBig


คำถามสำคัญที่ตามมาคือ โครงการที่มุ่งสร้างนิสัยรักการอ่านในตัวเยาวชนเช่นนี้ “คุ้มค่า” แค่ไหน? เพื่อหาคำตอบที่เป็นรูปธรรม สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.) จึงได้ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ ประเมินผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน หรือ SROI (Social Return on Investment) จากโครงการนี้
ทุก ๆ 1 บาทที่ลงทุนไป สังคมได้คืนกลับมา 1.41 บาท
ในเบื้องต้นนั้น การประเมินผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน หรือ SROI (Social Return on Investment) ไม่ได้พิจารณาเฉพาะผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน แต่พิจารณาครอบคลุมตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในด้านพฤติกรรมเศรษฐกิจ และสังคม โดยนักวิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักเรียน ครู และผู้ปกครอง รวมถึงเปรียบเทียบระหว่างสถานการณ์ “มีโครงการ” กับ “ไม่มีโครงการ” เพื่อให้การประเมินครอบคลุมครบถ้วนมากที่สุด




ผลการวิจัยพบว่า โครงการ LearnBig ให้ค่าผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุนเท่ากับ 1.41 นั่นหมายความว่า ทุก 1 บาทที่ใช้ไปในโครงการ ก่อให้เกิด “ผลตอบแทนทางสังคม” รวมมูลค่าอย่างน้อย 1.41 บาท นี่ไม่ใช่ตัวเลขลอย ๆ แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้จริงที่เกิดขึ้นในห้องเรียน
แผนภาพที่ 2 ผลตอบแทนทางสังคมของโครงการ Learning Coin

แล้ว “ผลตอบแทนทางสังคม” จากโครงการนี้มีอะไรบ้าง?
ผลตอบแทนที่วัดได้จากโครงการนี้ ไม่ใช่แค่จำนวนหนังสือที่นักเรียนอ่านจบ แต่ประกอบด้วย 4-5 ผลลัพธ์เชิงบวก อันได้แก่
- นักเรียนร้อยละ 84.1 บรรลุเป้าหมายการอ่านของตนเอง
- นักเรียนมีแรงจูงใจในการอ่านมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยสนใจอ่านหนังสือ
- การเปลี่ยนแปลงบทบาทครูจากผู้ควบคุม เป็น “โค้ช” ที่ช่วยให้นักเรียนกำหนดเป้าหมายการอ่านของตนเอง
- ผู้ปกครองมีส่วนร่วมกับการส่งเสริมการอ่านมากขึ้น เห็นพฤติกรรมการอ่านของลูกที่เปลี่ยนแปลงไปและก่อให้เกิดการสนับสนุนการอ่านมากขึ้น
- โรงเรียนได้พัฒนากระบวนการส่งเสริมการอ่านในรูปแบบที่ยั่งยืนและต่อเนื่อง
แม้บางผลลัพธ์ที่กล่าวมาข้างต้นจะไม่สามารถตีมูลค่าเป็นเงินได้ แต่ก็สร้างคุณค่าต่อระบบการศึกษาและต่อตัวเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในระยะยาว เช่น การลดโอกาสหลุดออกจากระบบการศึกษา การลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และการพัฒนาการอ่าน การคิด และการสรุปจับใจความซึ่งเป็น Soft Skills ที่จำเป็นในชีวิต
แผนภาพที่ 3 ผลตอบแทนทางสังคมของโครงการ Learning Coin

ไม่ใช่แค่เด็กอ่านเพิ่ม — แต่โรงเรียนเปลี่ยนระบบ
หนึ่งในข้อเสนอเชิงนโยบายที่ได้รับจากโครงการนี้พบว่า ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จของโครงการ LearnBig คือ การสร้างการเปลี่ยนแปลงในสถานศึกษา หรือกระตุ้นให้สถานศึกษาปรับเปลี่ยนบทบาทตนเองจากการเป็น “ผู้จัดกิจกรรม” มาสู่การเป็น “ผู้ร่วมออกแบบ” ระบบส่งเสริมการอ่านที่ยั่งยืน ยกตัวอย่างเช่น
- เปิด “ตลาดแรงจูงใจ” ที่นักเรียนร่วมออกแบบรางวัลเอง
- สร้างกิจกรรมแลกเปลี่ยนหนังสือที่นักเรียนเป็นผู้จัด
- พัฒนาหลักสูตรการอ่านที่ยืดหยุ่น และตอบโจทย์นักเรียนแต่ละกลุ่ม
แล้วสรุปว่า LearnBig “คุ้ม” หรือ “ไม่คุ้ม”?
อย่างไรก็ดี ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน หรือ ค่า SROI ที่ 1.41 อาจไม่ได้เป็นระดับผลตอบแทนที่สูงนักเมื่อเทียบกับโครงการลงทุนทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่น ๆ แต่เมื่อพิจารณาให้ลึก จะพบว่าโครงการนี้ดำเนินการในโรงเรียนที่มีข้อจำกัดสูง ทั้งด้านทรัพยากรและโอกาสในการเข้าถึงกิจกรรมการอ่านที่ต่อเนื่อง กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่คือนักเรียนที่เดิมแทบไม่มีพฤติกรรมการอ่าน หรือมองว่าการอ่านเป็นเรื่องไกลตัว และแม้จะเป็นโครงการที่ใช้ทุนไม่สูง แต่กลับสามารถกระตุ้นการมีส่วนร่วมจากทั้งนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และผู้บริหารสถานศึกษาในหลายระดับได้อย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อพิจารณาภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ ค่า SROI ที่วัดได้จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่อาจยังไม่สามารถประเมินได้ครบถ้วนในเชิงตัวเลข เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเยาวชนคือการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรม สร้างแรงจูงใจจากภายใน และก่อให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ในการส่งเสริมการอ่านในโรงเรียนอย่างยั่งยืน โครงการนี้จึงเป็นการลงทุนที่ “คุ้มค่าอย่างแท้จริง” ทั้งในแง่ผลตอบแทนที่จับต้องได้ และการวางรากฐานของการเรียนรู้ตลอดชีวิตในระยะยาว
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากโครงการนี้
การสร้างนิสัย ไม่ใช่เรื่องของโชค โอกาส หรือพรสวรรค์ที่มีเฉพาะบางคน หากแต่มาจากการออกแบบระบบที่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ โดยเฉพาะในวัยเรียนซึ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากลองและความต้องการแรงเสริมทางบวก โครงการนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แรงจูงใจเล็ก ๆ เช่น การได้เลือกของรางวัลเอง หรือการได้รับการยอมรับจากเพื่อน ครู หรือครอบครัว สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการอ่านของเด็กคนหนึ่งได้ และเมื่อพฤติกรรมนั้นค่อย ๆ สะสมจนกลายเป็นนิสัย กลายเป็นต้นทุนทางสังคมที่ทรงพลังยิ่งกว่าโครงการส่งเสริมใด ๆ ที่เคยมีมา
เพราะบางครั้ง “การเปลี่ยนประเทศ” อาจเริ่มต้นจากการสร้าง “พื้นที่เล็ก ๆ ที่ทำให้เด็กคนหนึ่งรักการอ่าน” ได้จริง

