เมื่อวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (วสศ.) ภายใต้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 และภาคเอกชน ได้แก่ โรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล บริษัท ซีเจ มอร์ จำกัด (CJ MORE) Café Amazon (คาเฟ่ อเมซอน) และร้านกาแฟ CoolKaff จัดกิจกรรม “เปิดเส้นทาง สร้างโอกาส สร้างอาชีพ” เพื่อเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ณ ห้องประชุมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 จังหวัดราชบุรี ภายใต้ “โครงการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ Innovation Finance” โดยกิจกรรมนี้เปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนกว่า 60 คน จากศูนย์การเรียนรู้ตามมาตรา 12 จังหวัดราชบุรี ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทำความเข้าใจเส้นทางอาชีพ และทดลองปฏิบัติงานจริงกับผู้ประกอบการชั้นนำ เพื่อส่งเสริมการฝึกและพัฒนาทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน เตรียมความพร้อมเด็กและเยาวชนก่อนเข้าสู่โลกของการทำงาน ในลักษณะ Learn to Earn เรียนไปทำงานไปและมีรายได้ในระหว่างเรียน
โครงการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (Innovative Finance) เป็นหนึ่งในนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการดำเนินงานตามเป้าหมายและภารกิจหลักของ กสศ. ที่มุ่งเน้นมาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) โดยหนึ่งในมาตรการที่สำคัญ คือ มาตรการที่ 4 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมกับการจัดการศึกษาหรือการเรียนรู้มากขึ้น
ดร.พรระวี สีเหลืองสวัสดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล หัวหิน เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคสังคมและภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบาง ด้วยความเชื่อว่า “การศึกษาและอาชีพ คือกุญแจที่ปลดล็อกความยากจนอย่างยั่งยืน” ซึ่งทางโรงเรียนได้ดำเนินงานในรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่มุ่งพัฒนาบุคลากรด้านการดูแลสุขภาพ เพื่อรองรับความต้องการแรงงานในสังคมสูงวัย ไม่เพียงจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน แต่ยังส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการลงชุมชนจริง เพื่อปลูกฝังทักษะชีวิตและจิตสำนึกการบริการ
“เมื่อน้องมีการศึกษา น้องมีศักยภาพ น้องก็สามารถมีอาชีพ เมื่อมีอาชีพเขาก็จะมีเงินก็จะสามารถแก้จนได้เลย
ถ้าเราขีดเส้นความยากจนอยู่ที่ 180,000 บาทต่อปี น้อง ๆ เหล่านี้ทำงานได้เดือนละ 15,000 บาท นี่เป็นเรื่องปกติมาก ๆ เราส่งให้เด็กเรียน 1 คน หมายถึงพาเขาหลุดจากความยากจนได้เลยทันที ขอขอบคุณทาง กสศ. ที่เชิญเรามาแนะนำอาชีพใหม่ให้น้อง เพราะว่าจริง ๆ แล้ว ทุกวันนี้น้อง ๆ ของเราเขามีศักยภาพแต่เขาไม่รู้ว่ามันมีอาชีพอะไรที่รอเขาอยู่ ถ้าเขารู้ว่ามันมีอาชีพรอเขาอยู่มีเหรอคนจะไม่อยากที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อไปมีอาชีพ”
ดร.พรระวี ยังกล่าวเสริมอีกว่า การที่หน่วยงานอย่าง กสศ. เข้ามาเป็นพันธมิตรในการผลักดันโครงการ คือแบบอย่างของการบูรณาการทรัพยากรเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมชี้ว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทุกวัย ทุกอาชีพ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ประเทศสามารถสร้างโอกาสที่เท่าเทียมและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
นายก่อพงศ์ เดชทวีประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายความยั่งยืน สำนักประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงบทบาทของภาคเอกชนในการสนับสนุนการศึกษาและสร้างอาชีพให้กับเด็กและเยาวชน โดยเชื่อว่าการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว
“การขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต เราจะขับเคลื่อนด้วยคนรุ่นใหม่ เพราะฉะนั้นการส่งเสริมน้อง ๆ ก็เป็นการส่งเสริมเป็นการลงทุนในระยะยาว สุดท้ายแล้วน้อง ๆ ที่เราส่งเสริมก็จะมาพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ พัฒนาชุมชน รวมถึงทำให้ธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงภาคเอกชนทุกที่ก็จะมีความก้าวหน้าแล้วก็ดำเนินการธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืนครับ”
ซีเจ มอร์ มุ่งมั่นส่งเสริมเด็กและเยาวชนให้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษา และพัฒนาศักยภาพเพื่อก้าวสู่การเป็นแรงงานคุณภาพ สนับสนุนการลดปัญหาสังคมและสร้างความแข็งแกร่งให้ชุมชน พร้อมทั้งขอบคุณ กสศ. ที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโอกาสให้เด็ก ๆ และฝากถึงทุกภาคส่วนให้ร่วมมือกัน “เพาะเมล็ดพันธุ์” เยาวชน เพื่อให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต
นายอัชฌา ระตินัยตัวแทนของผู้ประกอบการร้านกาแฟ CoolKaff และ Café Amazon ถ่ายทอดแรงบันดาลใจผ่านประสบการณ์การเริ่มต้นทำกาแฟจากศูนย์ สู่การสร้างอาชีพและแบ่งปันโอกาสให้เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา โดยแนะแนวทางเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ ทักษะการทำกาแฟเป็นจุดเริ่มต้นที่ทุกคนสามารถพัฒนาได้ด้วยต้นทุนไม่สูง และสามารถต่อยอดเป็นอาชีพหรือเครื่องมือในการสร้างชีวิตที่มั่นคง โดยเชื่อว่าการให้โอกาสคือการปลุกศักยภาพในตัวเด็ก ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเชื่อมั่นให้พวกเขาเดินตามฝันได้จริง อีกทั้งยังชี้ให้เห็นว่าการสร้างโอกาสให้กับเด็กนอกระบบ คือการลงทุนที่สำคัญที่สุดของสังคมในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
“ผมว่าการให้โอกาสมันสำคัญมากจริง ๆ เพราะบางครั้งคนบางกลุ่มไม่ได้มีการคว้าโอกาสได้เองหรือโอกาสไม่ได้เดินมาหาเอง ฉะนั้นถ้าเรามีโอกาสที่มากพอเราก็แบ่งปันในการหยิบยื่นโอกาสให้เขาได้มีการเรียนรู้ที่ง่ายขึ้น มีการเติบโตที่เร็วขึ้นกว่าปกติ ผมหนึ่งคนสามารถต่อยอดประสบการณ์แล้วก็ต่อยอดการแชร์ประสบการณ์พวกนี้ให้กับเด็กได้มากกว่าหนึ่งแน่นอน ผมว่ามันทำให้สังคมเรามันดีขึ้น แล้วมันก็จะพัฒนาได้ไวขึ้นกับเด็ก ๆ รุ่นหลัง ๆ”
ด้านของน้องพลอย หนึ่งในเยาวชนที่เคยหลุดจากระบบการศึกษาเพราะภาระในการดูแลครอบครัว ก่อนจะกลับมาเรียนผ่านศูนย์การเรียนสร้างสรรค์การเรียนรู้ จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และด้วยแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ดูแลแม่และญาติผู้สูงอายุ จึงตัดสินใจสมัครเรียนต่อด้านการบริบาลที่โรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาล หัวหิน เพื่อเติมเต็มความฝันในการช่วยเหลือผู้อื่น หลักสูตรนี้ช่วยเปิดเส้นทางใหม่ทั้งด้านความรู้และโอกาสในการทำงาน
“อยากไปเรียนหมอค่ะ อยากไปทำงานในโรงพยาบาล ช่วยผู้สูงอายุ ช่วยเด็ก เลือกเรียนหลักสูตรนี้เพราะว่าสนใจอยู่แล้ว พอดีว่าครูเขาบอกมาก่อนแล้วก็สนใจเรียนพยาบาลอยู่แล้วก็เลยสมัครเข้าเลยค่ะ กิจกรรมนี้ดีค่ะได้งานด้วย ได้ความรู้ด้วย ได้ความสุขด้วยได้อะไรหลาย ๆ อย่าง”
ทั้งนี้ โครงการนี้ยังส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนที่ผ่านการฝึกอบรมได้รับวุฒิบัตรทางการศึกษาและทางอาชีพ เพื่อก้าวสู่การมีงานทำที่มั่นคง ต่อยอดเป้าหมายในการขจัดปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาให้เป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout)