เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 Equity lab โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ Sea
(ประเทศไทย) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ Shopee และเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติ ร่วมกัน
จัดงานประกาศรางวัลและนิทรรศการแสดงผลงานผลิตภัณฑ์ของเครือข่ายนักเรียน นักศึกษาที่เข้าร่วมในโครงการ
“Equity Partnership’s School Network season 6” ตอกย้ำความสำเร็จโมเดลลดความความเหลื่อมล้ำด้วย
แนวคิดนวัตกรรมสถานศึกษา ขยายกลไกการทำงานร่วมกันระหว่างสถานศึกษา ครู และนักเรียนทุนเสมอภาคจาก
โรงเรียนขยายโอกาสในเครือข่ายของ กสศ. โรงเรียนนานาชาติ และมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะ
อาชีพและทักษะในศตวรรษที่ 21 สร้างประสบการณ์จริงด้วยการลงมือทำ ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และจำหน่าย
บนแพลตฟอร์ม Shopee สร้างรายได้ให้แก่นักเรียน โรงเรียนและชุมชน
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ กสศ. และหน่วยงานภาคีทางการศึกษา ต้องการให้นักเรียนจากพื้นที่ในชนบทและนักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติได้ทำงานร่วมกัน มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อโลกการทำงาน ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสานโจทย์และทรัพยากรที่มีคุณค่าของชุมชน พัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์
“สิ่งสำคัญสำหรับการทำงานร่วมกันเป็นทีมภายในระยะเวลา 7 เดือน คือประสบการณ์ที่มีคุณค่า เรามีเป้าหมายให้เด็กและเยาวชนซึ่งมีศักยภาพที่หลากหลาย ได้มีโอกาสเรียนรู้ เติมเต็มซึ่งกันและกัน และยังได้พัฒนาทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็นทักษะการอ่านออกเขียนได้ ทักษะความคิดสร้างสรรค์ ทักษะด้านดิจิทัล ทักษะทางสังคมและอารมณ์ ตลอดจนการต่อยอดทรัพยากรในชุมชนให้เกิดมูลค่า ผ่านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และช่องทางการตลาดออนไลน์”
ตลอดระยะเวลา 6 ปีในการดำเนินโครงการ ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีเครือข่ายสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการกว่า 69 แห่งจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ชุมชนไปแล้วมากกว่า 3,900 ชิ้น และมียอดขายรวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 1.9 ล้านบาท ซึ่งรายได้ทั้งหมดจากโครงการจะนำไปสนับสนุนการพัฒนาเด็กและเยาวชนในโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลโดยไม่มีการหักค่าใช้จ่าย นำไปสร้างโอกาสและพัฒนาศักยภาพของนักเรียน ทำให้เกิดการขยายผลจากโรงเรียนสู่ชุมชนสร้างความเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน

นางสาวพุทธวรรณ สุภัทรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท SEA (ประเทศไทย) ระบุว่า ในฐานะตัวแทนแพลตฟอร์ม Shopee มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการต่อเนื่องหลายปี เห็นถึงความสำเร็จในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออกมาได้น่าสนใจ สร้างยอดขายได้จริง ทำให้นักเรียนมีโอกาสเรียนรู้จากการลงมือทำผ่านประสบการณ์จริง
“โครงการนี้ทำให้น้อง ๆ ได้เรียนรู้ 3 ทักษะ 1. ทักษะดิจิทัล (Digital Skill) น้อง ๆ มีโอกาสใช้แพลตฟอร์มของ Shopee ในการขายของ ซึ่งเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับน้อง ๆ 2. ทักษะการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Skill) สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพไปได้ขณะเรียน ได้ค้นพบหลายอย่างจากการเรียนรู้ จากการลงมือทำ จุดนี้จะไม่ได้ค้นพบเลยถ้าไม่ได้ลงมือทำจริง และ 3. ทักษะทางอารมณ์ (Soft Skill) คือการทำงานร่วมกับผู้อื่น”

Mr. Greg Threlfall โรงเรียนนานาชาติรักบี้ กล่าวว่า โครงการนี้ดำเนินการมา 6 ปีแล้ว มีส่วนช่วยสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาทักษะหลาย ๆ อย่าง ทั้งทักษะทางอารมณ์ รวมถึงการสร้างสายสัมพันธ์ผ่านการทำงานและกิจกรรมร่วมกัน เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมาก ๆ ที่โครงการนี้ดำเนินการมายาวนาน มีผลิตภัณฑ์วางขายบนแพลตฟอร์ม Shopee ได้ต่อเนื่อง โดยหวังว่าในอนาคตโครงการนี้จะเติบโตและพัฒนาขึ้นทุก ๆ ปี มีโรงเรียนอื่น ๆ เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง

อีกหนึ่งภาคีเครือข่ายสำคัญที่เข้าร่วมโครงการในปีนี้เป็นปีแรก ผศ.ดร.กนกวรรณ อู่ทองทรัพย์ วิทยาลัยสหวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง กล่าวชื่นชมโครงการ Equity Partnership’s School Network ปีที่ 6 และในฐานะที่มีส่วนในการเข้าไปดูแลโครงการของน้อง ๆ โรงเรียนแม่ก๋งวิทยาและโรงเรียนแม่เมาะวิทยา จังหวัดลำปาง รู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้เห็นผลผลิตที่มาจากภูมิปัญญาของชาวบ้านและภูมิปัญญาของน้อง ๆ ทั้ง 2 โรงเรียน
“ขอบคุณ กสศ. ที่ให้โอกาส มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เข้ามาเป็นภาคีเครือข่ายในการบ่มเพาะต้นกล้าผู้ประกอบการ และเราก็หวังว่า สิ่งที่พวกเราทุกคนทำกันในวันนี้ จะช่วยสร้างต้นกล้าเล็ก ๆ ให้เติบโตเป็นต้นกล้าที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคต”

สำหรับปีนี้มีเครือข่ายโรงเรียนขยายโอกาสและมหาวิทยาลัยเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 10 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนหงษ์หยกบำรุง จังหวัดภูเก็ต โรงเรียนบ้านโหล๊ะหาร จังหวัดพัทลุง โรงเรียนหนองบอนวิทยาคม จังหวัดตราด โรงเรียนเขาสมิงวิทยาคม “จงจินต์รุจิรวงศ์อุปถัมภ์” จังหวัดตราด โรงเรียนบ้านคลองครก จังหวัดจันทบุรี โรงเรียนบ้านหลวงวิทยา จังหวัดนครปฐม โรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร โรงเรียนแม่ก๋งวิทยา จังหวัดลำปาง โรงเรียนแม่เมาะวิทยา จังหวัดลำปาง และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง จับคู่กับโรงเรียนจากเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติ 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนนานาชาติรักบี้ (Rugby School Thailand) โรงเรียนสาธิตประสานมิตร (Satit Prasarnmit International Program) โรงเรียนนานาชาติดีบีเอส (Denla British School) โรงเรียนนานาชาติแอสคอต (Ascot International School) และโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี (Shrewsbury International School)
ด้านการเกณฑ์การตัดสินรางวัลตลอดโครงการ แบ่งเป็นการตลาดและการขาย (Marketing and Selling) ประกอบด้วยยอดขาย ต้นทุน-กำไร การนำเสนอเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ ช่องทางและวิธีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ การทำงานเป็นทีม (Teamwork) ความร่วมมือของสมาชิกในกลุ่มและการประสานงานที่ดี มีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน การยอมรับความคิดเห็น เข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่าง และความคิดสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ (Creative and Innovation) ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม “BanloSPIP” จากโรงเรียนบ้านโหล๊ะหาร จ.พัทลุง และโรงเรียนสาธิตประสานมิตร ซึ่งได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กระเป๋าสานใบเตยป่าในชื่อแบรนด์ “Between Us & Tree” ต่อยอดจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวมันนิ ชาติพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมในจังหวัดพัทลุง พร้อมคุณสมบัติพิเศษของใบเตยป่าที่จะเปลี่ยนสีหลังใบเตยแห้งสนิท และกลับมาเปลี่ยนเป็นสีเขียวได้อีกครั้งเมื่อเจอน้ำ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ทีม “DenSmingThara” จากโรงเรียนเขาสมิงวิทยาคม “จงจินต์รุจิรวงศ์อุปถัมภ์” จังหวัดตราด และโรงเรียนนานาชาติดีบีเอส ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์กระถางต้นไม้จากเปลือกหอยนางรมในชื่อแบรนด์ “Saming Craft” จากแนวคิดที่ต้องการเปลี่ยนเปลือกหอยที่ถูกกองทิ้งไว้ให้มีคุณค่าอีกครั้ง โดยมีคุณสมบัติไม่กักเก็บความร้อน ทำให้ต้นไม้ไม่เหี่ยวเฉาเร็ว และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ ทีม “DenbonCoffee” จากโรงเรียนหนองบอนวิทยาคม จังหวัดตราด และโรงเรียนนานาชาติดีบีเอส ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟดริปโรบัสต้าในชื่อแบรนด์ “Bonnery” คัดสรรเมล็ดกาแฟจากแหล่งปลูกในพื้นที่จังหวัดตราดซึ่งเป็นเหมืองพลอยเก่า ทำให้มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ มีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่









