กสศ.ร่วมประชุมผู้นำการศึกษาระดับโลกมุ่งเสริมความคิดสร้างสรรค์เด็ก กองทุนเพื่อความเสมอภาคฯร่วมกับมูลนิธิเลโก้ (LEGO Foundation) พร้อม 5 องค์กรด้านการศึกษาชั้นนำโลกเปิดประสบการณ์การใช้มาตรการส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ในเด็กและเยาวชนเพื่อส่งเสริมการปฏิรูปการศึกษาเชิงระบบทั้งมิติความเสมอภาคทางการศึกษาและการพัฒนากำลังคนสู่ตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 มูลนิธิเลโก้ (LEGO Foundation) ได้จัดประชุมทางไกล Virtual-conference กับผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายการศึกษาจาก 5 ประเทศทั่วโลก ประกอบด้วย ประเทศไทย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สก็อตแลนด์ และเวลส์ ภายใต้หัวข้อ Creating Systems – how can education systems reform to enhance learners creativity skills? การสร้างสรรค์ระบบการปฎิรูปการศึกษาจะเพิ่มพูนทักษะความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนได้อย่างไร ถือเป็นรายงานฉบับที่สองเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ที่ทางมูลนิธิเลโก้จัดทำขึ้น เพื่อศึกษาการหาแนวทางส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในเด็กและเยาวชนทั่วโลก
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้อำนวยการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในฐานะตัวแทนประเทศไทย กล่าวว่า มูลนิธิเลโก้ถือเป็นหนึ่งในองค์กรด้านการเรียนรู้ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติมายาวนาน การประชุมประจำปีของมูลนิธิเลโก้ หรือ LEGO Idea Conference ถือเป็นงานประชุมสำคัญระดับโลกที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดวาระการปฏิรูปและการพัฒนานวัตกรรมด้านการเรียนรู้ในระบบการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับนานาชาติ โดยในปีนี้หัวข้อการประชุมคือการให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ของระบบการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งทางมูลนิธิเลโก้ได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในการส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์จากทั่วโลกมาร่วมประชุม แม้จะมีอุปสรรคจากการระบาดของโคโรน่าไวรัสทำให้ไม่สามารถจัดการประชุมในประเทศเดนมาร์กได้ตามที่กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 9-11 มีนาคมที่ผ่านมา มูลนิธิเลโก้ยังคงประสานงานให้วิทยากรและผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนเข้าร่วมประชุมผ่านระบบ Teleconference ทาง legoideaconference.net โดยหนึ่งในหัวข้อการประชุมหลักในครั้งนี้คือการปฏิรูประบบการศึกษาให้สามารถส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ของเด็กเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งมูลนิธิเลโก้ได้เชิญ 5 ผู้แทนหน่วยงานด้านการศึกษาระดับนานาชาติจาก 5 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศไทย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สก็อตแลนด์ และเวลส์ เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
กสศ. ในฐานะตัวแทนที่ได้รับเชิญจากประเทศไทยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับองค์การ OECD ในการวิจัยพัฒนาเครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ร่วมกับอีก 14 ประเทศ และ 400 สถานศึกษาทั่วประเทศตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยประเด็นที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมคือการใช้เครื่องมือส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ในการหนุนเสริมกระบวนการปฏิรูปเชิงระบบทั้งด้านความเสมอภาคทางการศึกษาและคุณภาพการศึกษาอย่างควบคู่กันไป โดยเฉพาะในกลุ่มโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการวิจัยซึ่งเป็นกลุ่มโรงเรียนขยายโอกาสที่มีเด็กจำนวนมากจำเป็นต้องออกจากระบบการศึกษาหลังสำเร็จการศึกษาภาคบังคับเพื่อประกอบอาชีพหารายได้
ทักษะความคิดสร้างสรรค์เป็น 1 ใน 3 ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ที่เป็นที่ต้องการสูงสุดในตลาดแรงงานทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยจากการสำรวจผู้จ้างงานแทบทุกครั้งตลอด 5-10 ปีที่ผ่านมา หากเด็กเยาวชนได้รับการส่งเสริมพัฒนาทักษะดังกล่าวตั้งแต่ในวัยเรียน ย่อมจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อการศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพในอนาคต นอกจากนั้นทักษะความคิดสร้างสรรค์ยังช่วยส่งเสริมมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของการศึกษาที่เด็กเยาวชนได้รับจากระบบการศึกษาเมื่อออกไปประกอบอาชีพในตลาดแรงงาน ดังนั้นหากเด็กเยาวชนในครอบครัวที่มีรายได้น้อยได้รับการพัฒนาทักษะดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการได้รับค่าตอบแทนต่อทักษะที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงนี้จากนายจ้างและตลาดแรงงานช่วยให้มีรายได้สูงมากขึ้น ช่วยให้พวกเขาสามารถนำพาครอบครัวก้าวออกจาความยากจนได้ในอนาคต
นอกจากนั้นแล้วทักษะความคิดสร้างสรรค์ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเป้าหมายการก้าวออกจากประเทศรายได้ปานกลางสูงการเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายใน 20 ปีของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ความท้าทายของสังคมสูงวัยในปัจจุบัน หากกำลังแรงงานรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มสัดส่วนที่ลดลงมีผลิตภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นจากทักษะความคิดสร้างสรรค์ ย่อมจะเป็นประโยชน์ในการเจริญเติมโตทางเศรษฐกิจของไทยที่มั่นคงและยั่งยืนได้ในอนาคต
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลไทยภายใต้การนำของกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นความสำคัญของการร่วมมือดังกล่าว เพราะมองว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่คนไทยต้องมีในปัจจุบัน เพื่อการก้าวเข้าสู่การเป็นแรงงานคุณภาพ และตอบโจทย์ต่อตลาดงานในอนาคต ซึ่งกสศ. ได้ทำหน้าที่ในฐานะตัวกลาง ที่ประสานงานกับทุกฝ่าย ทั้งจากกระทรวงศึกษาธิการ องค์การภาครัฐ เอกชน หน่วยงานวิชาการจากทั้งในและต่างประเทศ ในการนำมาตรการที่ร่วมกับ OECD มาปฎิบัติ เพื่อให้เด็กไทยเกิด การรู้จักคิดวิเคราะห์ และคิดอย่างสร้างสรรค์เพื่อสนับสนุนโรงเรียนต้นแบบที่ใช้เครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์ในชั้นเรียนทุกชั้นเรียนของโรงเรียนในอนาคต โดยในปีการศึกษา 2563 นี้ สพฐ. มีแผนที่จะร่วมสนับสนุนการขยายผลสู่ 42 เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาทั่วประเทศ ผ่านกลไกของศึกษานิเทศก์และสถานศึกษาแกนนำเขตละ 2 สถานศึกษา รวมทั้งในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา เพื่อเป็นกลไกในการขยายผลการดำเนินงานในระดับประเทศต่อไป” ดร.ไกรยส กล่าว
ขณะที่ นายจอห์น กู๊ดวิน CEO the LEGO Foundation กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อประเทศ เศรษฐกิจ และบุคลากร สำหรับเป้าหมายในการจัดครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อให้เป็นแนวทางและจุดริ่เริ่มของนานาประเทศในการปฎิรูประบบการศึกษาในประเทศของตัวเองเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ โดยความรู้และวิธีการที่ถ่ายทอดอยู่ในรายงานทั้งหมดไม่มีผิดหรือถูก มีเพียงแต่ความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพบริบทของสังคมและธรรมชาติของผู้เรียนเท่านั้นเป็นสำคัญ
“โดยทางมูลนิธิเลโก้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลการศึกษาในครั้งนี้ จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้มีการปฎิรูปเพื่อความคิดสร้างสรรค์ เป็นแหล่งข้อมูลและเป็นแรงบันดาลใจสำหรับแนวทางการปฎิรูปการศึกษา และเป็นเหมือนตัวจุดประกายให้เกิดการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมด้านความคิดสร้างสรรค์ในวงการการศึกษาต่อไป” นายจอห์น กล่าว
นายจอห์น กล่าวอีกว่า จากการประชุมในครั้งนี้สามารถถอดออกเป็น 10 บทเรียนหลักที่บ่งชี้ถึงความสำเร็จในการปฎิรูปเพื่อพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ โดยประกอบด้วย
- การเรียนรู้ผ่านการเล่น ถือเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์
- การสนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพคือสิ่งสำคัญในการเผยแพร่และรักษาข้อตกลงในการตัดสินใจที่จะปฎิรูป
- การเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรระหว่างกลุ่มต่างๆ และกลุ่มนอกเหนือจากองค์กรรัฐ จะเสริมความแข็งแกร่งและสนับสนุนระบอบการปฎิรูป
- การแบ่งปันความเข้าใจ ภาษา และนิยามของความคิดสร้างสรรค์จะช่วยให้เกิดการนำมาประยุกต์ใช้ในวงกว้าง
- องค์กรระหว่างประเทศสามารถเข้ามาสนับสนุนการปฎิรูปได้
- บรรดาคุณครูและผู้นำท้องถิ่นมีบทบาทหลักในการปฎิรูปใดๆก็ตาม
- หลักสูตรที่มีการเขียนที่ชัดเจนจะเป็นแนวทางให้กับนักเรียนและคุณครู
- ภาครัฐมีเหตุผลที่แข็งแกร่งในการมุ่งให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์
- การพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบถือเป็นหลักการสำคัญ และ
- การประเมินวัดผลก็นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด แต่ก็เป็นสิ่งที่ท้าทายได้เช่นกัน