สรุปใจความสำคัญของจังหวัดระยอง
- ศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญ
- นิคมอุตสาหกรรม: ระยองมีนิคมอุตสาหกรรมถึง 13 แห่ง ซึ่งเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ รองจากชลบุรี หนึ่งในนิคมที่สำคัญคือ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งเป็นฐานการผลิตปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานปิโตรเคมีขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมถึงมีท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุดที่รองรับการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม
- บริษัทใหญ่: บริษัทที่มีรายได้สูงสุดในจังหวัด ได้แก่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีรายได้รวมในปี 2565 อยู่ที่ 317,394 ล้านบาท และ 285,534 ล้านบาท ตามลำดับ
- อุตสาหกรรมยานยนต์: มีนิคมอุตสาหกรรมที่รองรับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
- พลังงานทดแทน: มีการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
- การศึกษาและการวิจัย: มีสถาบันการศึกษาและศูนย์วิจัยที่สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรม
- การพัฒนาและความท้าทาย
- จังหวัดระยองมีรายได้ประชากรต่อหัว (GPP per Capita) สูงที่สุดในประเทศไทย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,114,391 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากรุงเทพฯ ที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 604,000 บาท
- มูลค่า GPP ของจังหวัดระยองในปี 2560 อยู่ที่ 984,980 ล้านบาท และในปี 2564 มีมูลค่า 955,119 ล้านบาท
- ระยองต้องรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม
- การเร่งแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะสูงให้เพียงพอต่อความต้องการจ้างงานในพื้นที่
- ศักยภาพในอนาคต
- จำนวนโรงงาน: ในปี 2562 จังหวัดระยองมีโรงงานทั้งหมด 3,057 แห่ง และมีจำนวนคนงานประมาณ 182,000 คน
- โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) : ระยองเป็นหนึ่งในสามจังหวัดหลักของโครงการ EEC มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย
- โครงการพัฒนา: จังหวัดระยองมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-ระยอง และการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา
- แหล่งท่องเที่ยว: จังหวัดระยองยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะเกาะเสม็ด ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเยือน และยังมีการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ระบบการศึกษาในจังหวัดระยอง
จังหวัดระยองมีโรงเรียนทั้งหมด 284 แห่ง ครอบคลุมตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงอุดมศึกษา มีทั้งโรงเรียนของรัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่รองรับนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง
ในระดับปฐมวัย มีโรงเรียนอนุบาลและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กกระจายอยู่ทั่วจังหวัด โดยเน้นการพัฒนาเด็กเล็กทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา สังคม และอารมณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ระดับประถมศึกษา
ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา มีโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาของรัฐบาลและเอกชนจำนวนมาก (โดยมีโรงเรียนที่มีระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 75 แห่ง ) โรงเรียนเหล่านี้มีหลักสูตรตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด และมีกิจกรรมเสริมทักษะต่างๆ เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของนักเรียนอย่างรอบด้าน
สำหรับระดับอุดมศึกษา จังหวัดระยองมีวิทยาลัย และสถาบันการศึกษา จำนวน 20 แห่ง จังหวัดระยองเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่เปิดสอนการเรียนการสอนในหลายสาขาวิชา เช่น ครุศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีสถาบันการอาชีวศึกษาและวิทยาลัยเทคนิคที่เปิดสอนหลักสูตรด้านวิชาชีพ 2 ประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานในพื้นที่ เช่น อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และบริการ
- วิทยาลัยเทคนิคระยอง: เป็นสถาบันหลักที่เปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในสาขาต่าง ๆ เช่น ช่างกลโรงงาน, ช่างไฟฟ้า, และเทคโนโลยีการเกษตร
- วิทยาลัยการอาชีพระยอง: เปิดสอนในสาขาวิชาชีพที่หลากหลาย เช่น การจัดการธุรกิจ, การบริการ, และการเกษตร
นอกจากสถาบันการศึกษาในระบบแล้ว จังหวัดระยองยังมีศูนย์การเรียนชุมชน และโครงการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชนทั่วไป เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ระบบการศึกษาในจังหวัดระยองยังคงเผชิญกับความท้าทายบางประการ เช่น การขาดแคลนครูที่มีคุณภาพ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ห่างไกล และการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขและพัฒนาระบบการศึกษาให้มีคุณภาพและเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน
พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา (Education Sandbox)
จังหวัดระยองเป็นหนึ่งในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาของประเทศไทย ซึ่งมีการพัฒนาโมเดลการเปลี่ยนแปลงการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและพัฒนาคนไทยให้สามารถเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ โดยมีการดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 ซึ่งมุ่งเน้นการกระจายอำนาจให้แก่สถานศึกษาและส่งเสริมให้สถานศึกษาเป็นนิติบุคคลที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างอิสระและคล่องตัว
วัตถุประสงค์หลักของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาในระยอง
- พัฒนานวัตกรรมการศึกษา: มุ่งหวังให้มีการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนที่สามารถยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาได้
- ลดความเหลื่อมล้ำ: มีเป้าหมายในการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาและคุณภาพการศึกษา
- กระจายอำนาจ: ส่งเสริมการกระจายอำนาจและให้อิสระแก่สถานศึกษานำร่องในการบริหารจัดการ
- สร้างความร่วมมือ: พัฒนากลไกความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาการศึกษา
การดำเนินงานในระยอง
- จังหวัดระยองมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนวัตกรรมการศึกษาแล้วจำนวน 87 แห่งจากทั้งหมด 284 แห่ง ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของโรงเรียนทั้งหมดในจังหวัด
- การปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนจากการใช้ฐานความรู้ไปเป็นฐานสมรรถนะ (Active Learning) เพื่อให้การเรียนการสอนมีความเหมาะสมกับความต้องการของนักเรียนและสภาพแวดล้อม
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
การพัฒนานวัตกรรมการศึกษาในระยองมีเป้าหมายที่จะสร้าง “พลเมืองระดับโลก” โดยการปรับกรอบหลักสูตรให้สอดคล้องกับแนวคิด RAYONG MARCO และใช้ระบบการประเมินคุณภาพที่เหมาะสมกับการศึกษาในยุคใหม่ นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้ง “RILA สถาบันการเรียนรู้ของคนทุกช่วงวัย” เพื่อสนับสนุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องและตอบสนองต่อการพัฒนาเมืองตามแนวทางของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
หน่วยงานที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาพื้นที่ระยอง
RILA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษาในจังหวัดระยอง โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะวัยใดวัยหนึ่ง โดยเน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานและการใช้ชีวิตในสังคมยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของจังหวัดระยองในการพัฒนาสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้
นอกจากนี้ RILA ยังให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะ เช่น การจัดกิจกรรมและเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการอนุรักษ์ภาษาถิ่น เพื่อให้คนในชุมชนมีความเข้าใจและยอมรับในความแตกต่าง และสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาอื่นๆ เช่น วิทยาลัย IRPC ยิ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ RILA ในการพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในจังหวัดระยองได้อย่างครอบคลุม
สถานการณ์การเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย
เยาวชนไทยจากครอบครัวยากจนเผชิญความท้าทายในการเข้าถึงการศึกษาที่สูงขึ้น แม้จะคิดเป็น 20% ของเยาวชนทั้งหมด แต่มีเพียง 8% เท่านั้นที่สามารถเรียนต่อระดับอุดมศึกษา เทียบกับเยาวชนจากครอบครัวร่ำรวย 20% ที่มีโอกาสเรียนต่อมหาวิทยาลัยสูงกว่าถึง 6 เท่า
ถึงแม้จะมีความเหลื่อมล้ำ แต่ก็มีสัญญาณบวก ในปี 2565 เยาวชนรายได้น้อย 20% สอบติด TCAS65 และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้สำเร็จ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนทางการศึกษาแก่กลุ่มนี้ การลงทุนด้านการศึกษาสำหรับเยาวชนยากจนคือการสร้างความเป็นธรรม และการลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศ ด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
เดิมที การเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาของไทยอยู่ในระดับ “อุดมศึกษาเพื่อปวงชน” (มากกว่า 50% ของประชากรวัยอุดมศึกษา) แต่ปัจจุบันลดลงมาอยู่ระดับ “การเข้าถึงโดยคนจำนวนมาก” (15-50%) การลดลงนี้น่าเป็นห่วง สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างและความเหลื่อมล้ำ ซึ่งอาจกระทบต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว จำเป็นต้องวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่าย ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม และคุณภาพของระบบการศึกษา เพื่อกำหนดนโยบายแก้ปัญหา และยกระดับการเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้กลับสู่ระดับ “อุดมศึกษาเพื่อปวงชน” อีกครั้ง
เหตุผลที่การศึกษาระดับอุดมศึกษายังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน
- ความรู้เชิงลึกและทักษะเฉพาะ: การศึกษาระดับอุดมศึกษาออกแบบมาเพื่อให้ความรู้เชิงลึกในสาขาเฉพาะทาง และฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการวิจัย
- การพัฒนาเครือข่าย: มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ที่นักศึกษาได้พบปะเพื่อนๆ อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งอาจกลายเป็นเครือข่ายที่มีประโยชน์ในอนาคต
- การสร้างวุฒิภาวะและความรับผิดชอบ: การเรียนในมหาวิทยาลัยสอนให้นักศึกษารับผิดชอบต่อการเรียนของตนเอง และฝึกฝนทักษะสำคัญในการใช้ชีวิตและการทำงาน
- การเพิ่มโอกาสทางอาชีพ: วุฒิการศึกษาระดับปริญญายังคงเป็นสิ่งจำเป็นในหลายสายอาชีพ และการมีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่โอกาสในการได้รับเงินเดือนที่สูงขึ้นและตำแหน่งงานที่ดีขึ้น
- การเรียนรู้ตลอดชีวิต: การศึกษาระดับอุดมศึกษาปลูกฝังนิสัยการเรียนรู้ตลอดชีวิต และฝึกฝนทักษะสำคัญในการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง
จึงมีความจำเป็นและควรส่งเสริมให้นักเรียนในจังหวัดระยองเลือกเรียนสูงกว่าการศึกษาภาคบังคับ
สรุปปัจจัยสำคัญ 6 ประการที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียน
Growth Mindset และความมุ่งมั่น
- นักเรียนที่มีความเชื่อว่าตนเองสามารถพัฒนาได้ (Growth Mindset) มักจะมีแรงจูงใจในการเรียนต่อสูงกว่า
- พวกเขามองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ไม่ใช่อุปสรรค
- ความมุ่งมั่นช่วยให้พวกเขาอดทนต่อความท้าทายในการศึกษาระดับสูงได้ดีกว่า
- ทุนการศึกษา
- ทุนการศึกษาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียน ทำให้การศึกษาระดับอุดมศึกษาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- เปิดโอกาสให้นักเรียนจากครอบครัวที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงการศึกษาระดับสูงได้
- ทุนบางประเภทอาจมีเงื่อนไขพิเศษ เช่น การทำงานชดใช้ทุน ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจของนักเรียน
- การกู้ยืมเพื่อการศึกษา
- เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ช่วยให้สามารถเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้
- อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้สินหลังจบการศึกษาอาจเป็นปัจจัยลบที่ทำให้นักเรียนบางคนลังเลในการตัดสินใจ
- นักเรียนต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าระหว่างการลงทุนทางการศึกษากับโอกาสในการทำงานในอนาคต
- การรู้จักตนเองและมีเป้าหมาย
- นักเรียนที่เข้าใจความถนัดและความสนใจของตนเองมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจศึกษาต่อได้ง่ายกว่า
- การมีเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้นักเรียนเลือกสาขาวิชาและสถาบันการศึกษาได้ตรงกับความต้องการ
- การแนะแนวการศึกษาและอาชีพมีส่วนสำคัญในการช่วยนักเรียนค้นพบตนเองและวางแผนอนาคต
- ทัศนคติต่อความสำคัญของการศึกษา
- มุมมองของนักเรียน ครอบครัว และชุมชนต่อคุณค่าของการศึกษามีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจ
- หากสังคมรอบตัวให้ความสำคัญกับการศึกษาระดับสูง นักเรียนมักจะได้รับแรงบันดาลใจและการสนับสนุนมากขึ้น
- ในทางกลับกัน หากชุมชนไม่เห็นคุณค่าของการศึกษาต่อ อาจทำให้นักเรียนขาดแรงจูงใจ
- การเข้าถึงข้อมูล
- ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันเกี่ยวกับหลักสูตร สถาบันการศึกษา และโอกาสในการทำงาน มีความสำคัญต่อการตัดสินใจ
- การให้ข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาและแหล่งเงินทุนต่างๆ ช่วยให้นักเรียนวางแผนการเงินได้ดีขึ้น
- การเข้าถึงข้อมูลที่หลากหลายช่วยให้นักเรียนสามารถเปรียบเทียบทางเลือกต่างๆ และตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ
สรุปเหตุผลในการคัดเลือกคุณครูแนะแนวเป็นกลไกหลัก ในการเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้และการศึกษาต่อในระดับสูงกว่าภาคบังคับสำหรับนักเรียนในจังหวัดระยอง
- การเชื่อมโยงระหว่างนักเรียน หน่วยงาน และโรงเรียน
- เป็นสะพานเชื่อมระหว่างนักเรียนกับหน่วยงานการศึกษาต่างๆ
- ประสานงานระหว่างนักเรียนกับโรงเรียน
- สื่อสารความต้องการและปัญหาของนักเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- นำข้อมูลและทรัพยากรจากหน่วยงานภายนอกมาใช้ประโยชน์ในโรงเรียน
- บทบาทที่หลากหลาย
- ให้คำปรึกษาด้านการเรียน
- ช่วยเหลือปัญหาทางจิตใจและอารมณ์
- แก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
- ดูแลนักเรียนที่มีปัญหาครอบครัวเป็นพิเศษ
- สร้างเสถียรภาพทางจิตใจและส่งเสริมความสำเร็จทางการเรียน
- การสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ปกครองและโรงเรียน
- สื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนและพฤติกรรมของนักเรียนให้ผู้ปกครองทราบ
- ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจปัญหาและความต้องการของนักเรียน
- ส่งเสริมการสนับสนุนที่เหมาะสมจากครอบครัว
- บทบาทตลอดกระบวนการศึกษา
- ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับนักเรียน
- แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว
- ส่งเสริมการพัฒนาตนเองของนักเรียน
- กระจายผลกระทบของโครงการนวัตกรรมทางการศึกษา
- การแนะแนวอาชีพและการศึกษาต่อ
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพต่างๆ และแนวทางการศึกษาต่อ
- ช่วยนักเรียนค้นหาความสนใจและความถนัดของตนเอง
- แนะนำการเตรียมตัวสำหรับการสมัครเรียนต่อหรือการทำงาน
- การพัฒนาทักษะชีวิต
- สอนทักษะการจัดการเวลา
- ฝึกการตั้งเป้าหมายและวางแผนชีวิต
- พัฒนาทักษะการสื่อสารและการแก้ปัญหา
- การประเมินและติดตามผล
- ประเมินพัฒนาการของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง
- ติดตามผลการให้คำปรึกษาและการแนะแนว
- ปรับปรุงวิธีการให้คำปรึกษาตามความเหมาะสม
- การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
- ประสานงานกับครูประจำวิชาและฝ่ายต่างๆ ในโรงเรียน
- สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกเพื่อสนับสนุนนักเรียน
- แลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่ดีกับครูแนะแนวโรงเรียนอื่นๆ
จากบทบาทที่หลากหลายและสำคัญเหล่านี้ จะเห็นได้ว่าคุณครูแนะแนวเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของคุณครูแนะแนวจะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แผนภูมิก้างปลา (Fishbone Diagram)
สรุปประเด็นปัญหาที่คุณครูแนะแนวเผชิญ
ลักษณะกลุ่มเป้าหมาย (Persona)
หลังจากการสัมภาษณ์เก็บข้อมูลจากคุณครูแนะแนวทั้ง 3 ท่าน รวมถึงการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับสถานการณ์การศึกษาในประเทศไทย สามารถแบ่งนักเรียนกลุ่มเป้าหมายออกเป็นได้ 4 กลุ่ม
1. “ดาวเด่น” นักเรียนที่มีความตั้งใจและทุน
ทัศนคติ: มองโลกในแง่ดี มีความมั่นใจในตนเองสูง เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง เห็นคุณค่าของการศึกษาและมองว่าเป็นบันไดสู่ความสำเร็จในอนาคต มีแรงบันดาลใจใฝ่เรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เปิดรับความคิดเห็นและพร้อมปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ๆ
พฤติกรรม: ตั้งใจเรียน มีวินัยในการเรียน มักจะเป็นผู้นำในกลุ่ม เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียนอย่างกระตือรือร้น แสวงหาความรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียน มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนและวางแผนเพื่ออนาคต
ความท้าทาย: อาจเผชิญกับความกดดันจากความคาดหวังของตนเองและคนรอบข้าง จำเป็นต้องเรียนรู้การจัดการกับความเครียดและความท้าทายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
2. “นักสู้” นักเรียนที่มีความตั้งใจแต่ขาดทุน
ทัศนคติ: มีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มองหาโอกาสและทางออกอยู่เสมอ เชื่อว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เห็นคุณค่าของการศึกษาและมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชีวิต
พฤติกรรม: ขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียนแม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ทำงานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว แสวงหาโอกาสในการรับทุนการศึกษา อาจเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่สนใจ
ความท้าทาย: ต้องรับมือกับปัญหาทางการเงินและปัญหาครอบครัว อาจขาดโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรทางการศึกษา จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้านทุนการศึกษาและคำแนะนำในการวางแผนอนาคต
3. “ผู้แสวงหาแรงบันดาลใจ” นักเรียนที่ขาดความตั้งใจแต่มีทุน
ทัศนคติ: อาจยังไม่มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน ขาดแรงบันดาลใจในการเรียน มองการเรียนเป็นภาระมากกว่าโอกาส อาจรู้สึกเบื่อหน่ายกับระบบการศึกษา ยังไม่เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการเรียนกับชีวิตจริง
พฤติกรรม: เรียนตามหน้าที่ ไม่ค่อยสนใจกิจกรรมในโรงเรียน อาจมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนบ้าง ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับกิจกรรมที่ตนเองสนใจ เช่น เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง
ความท้าทาย: จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจในการเรียน ต้องค้นหาความถนัดและความสนใจของตนเอง ควรได้รับคำแนะนำในการวางแผนอนาคตและเชื่อมโยงการเรียนกับเป้าหมายในชีวิต
4.” ผู้ต้องการโอกาส” – นักเรียนที่ขาดทั้งความตั้งใจและทุน
ทัศนคติ: มองโลกในแง่ลบ ท้อแท้กับชีวิต ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง มองว่าการเรียนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ อาจมีพฤติกรรมต่อต้านสังคม
พฤติกรรม: ไม่ตั้งใจเรียน ขาดเรียนบ่อย ไม่สนใจกิจกรรมในโรงเรียน อาจมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ติดเกม ติดยาเสพติด
ความท้าทาย: ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด จำเป็นต้องได้รับการสร้างแรงบันดาลใจและความเชื่อมั่นในตนเอง ต้องได้รับการสนับสนุนทั้งด้านการเงิน การศึกษา และครอบครัว ควรได้รับคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาส่วนตัวและวางแผนอนาคต
ตารางสรุปประเด็นปัญหา (Problem Canvas)
แผนก/ฝ่ายงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา
การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ กับครูแนะแนว
- สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
บทบาทหลัก: ส่งเสริมและพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมในประเทศไทย
การทำงานร่วมกับครูแนะแนว:
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มและโอกาสในสายงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- จัดกิจกรรมสาธิตและทดลองทางวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียน
- ร่วมพัฒนาหลักสูตรที่เน้นทักษะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับอนาคต
- องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)
บทบาทหลัก: พัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
การทำงานร่วมกับครูแนะแนว:
- จัดทำโครงการที่เชื่อมโยงการเรียนรู้กับการท่องเที่ยวและการพัฒนาชุมชน
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
- สนับสนุนการฝึกงานและการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในแหล่งท่องเที่ยว
- องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ระยอง
บทบาทหลัก: พัฒนาจังหวัดและดูแลประชาชนในด้านต่างๆ
การทำงานร่วมกับครูแนะแนว:
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนพัฒนาจังหวัดและโอกาสทางอาชีพในท้องถิ่น
- สนับสนุนทุนการศึกษาและโครงการพัฒนาทักษะอาชีพสำหรับนักเรียน
- จัดกิจกรรมแนะแนวอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในจังหวัด
- องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
บทบาทหลัก: ดูแลและพัฒนาท้องถิ่นในชนบท
การทำงานร่วมกับครูแนะแนว:
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการแรงงานและโอกาสทางอาชีพในชุมชน
- สนับสนุนการจัดกิจกรรมฝึกอาชีพและการเรียนรู้นอกห้องเรียน
- ประสานงานระหว่างโรงเรียนกับผู้ประกอบการในท้องถิ่นเพื่อสร้างโอกาสการฝึกงาน
- RILA (Rayong Inclusive Learning Academy)
บทบาทหลัก: พัฒนาการศึกษาในจังหวัดระยอง
การทำงานร่วมกับครูแนะแนว:
- ประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมแนะแนว
- จัดอบรมและพัฒนาศักยภาพครูแนะแนว
- วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการแนะแนวที่เหมาะสมกับบริบทของจังหวัดระยอง