ครูดนตรีหนุ่มสาวในกลุ่ม Music Sharing เริ่มต้นสำรวจข้อมูลด้านการศึกษาของเด็กๆ ในชุมชนคลองเตย กระทั่งพบความจริงบางอย่างว่า ปัญหาเศรษฐกิจของคนรุ่นพ่อแม่เกี่ยวโยงอย่างแนบแน่นกับปัญหาการศึกษาของคนรุ่นลูก และในช่วงเวลาที่พวกเขาทำการสำรวจข้อมูล ชุมชนคลองเตยยังคงบอบช้ำจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่มาพร้อมกับการระบาดของ COVID-19
นี่คือสภาพที่เกิดขึ้นกับหลายครอบครัวในชุมชนคลองเตย พ่อแม่ยังคงตกงาน แต่ลูกๆ ต้องไปโรงเรียน
อัญมณี คงคูณ หนึ่งในกลุ่มครูดนตรีแห่ง Music Sharing เล่าสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับคนคลองเตยให้ฟัง
“ช่วงการระบาดของ COVID-19 เป็นช่วงที่คนจากข้างนอกเอาของมาบริจาคเยอะมาก ข้าวสารอาหารแห้งกระจายไปยังทุกบ้าน พวกเขาจึงพอประทังชีวิตไปได้แม้ไม่มีงาน อย่างน้อยๆ ก็มีของกิน แต่เมื่อการระบาดเริ่มซาลง ทุกอย่างเงียบหมด อันนี้คือของจริงเลย งานก็ยังไม่มี ข้าวก็ไม่มี ไม่มีอะไรจริงๆ คนที่ยังไม่ได้ทำงานในคลองเตยมีเยอะมาก แล้วลูกก็ต้องไปโรงเรียนอีก ต้องหาเงินให้ลูกไปโรงเรียนอีก”
ผู้ปกครองในชุมชนคลองเตยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างรายวัน รับจ้างทั่วไป เช่น งานแม่บ้าน คนสวนในโรงแรม ขายของหน้าโรงเรียน ขายของในโรงเรียน ในห้วงของการระบาดทุกคนได้รับผลกระทบหมด
ณัฐพล สท้านอาจ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ครอบครัวของเด็กๆ ในชุมชนคลองเตย ต้องเอาชีวิตรอดจากปากท้องในแต่ละวันให้ได้ก่อน การศึกษาจึงถูกผลักเป็นเรื่องรอง
“ตอนที่เราลงพื้นที่สำรวจในช่วงที่ไวรัสกำลังระบาดหนักๆ เราเห็นว่า พ่อแม่ผู้ปกครองเริ่มที่จะไม่มีรายได้เข้ามาในครอบครัวแล้ว บางคนตกงาน บางคนมีงานทำ แต่โดนลดงาน ลดเงิน พอไม่มีรายได้เข้ามา เรื่องสำคัญเรื่องแรกที่เขาต้องนึกถึงคือเรื่องปากท้อง แม้หลังจากที่โควิดผ่อนคลายลงแล้ว บางคนก็ยังไม่มีงาน พอเด็กเปิดเรียน นอกจากค่าเทอม ก็จะต้องมีค่าขนม ค่าใช้จ่ายในการไปโรงเรียน เท่าที่เราสำรวจในชุมชนคลองเตย ผู้ปกครองอยากให้เด็กได้เรียนหนังสือ แต่ถ้าไม่มีเงินเรียน ก็ต้องให้เด็กออกมาช่วยงาน”
เปิดเทอมหลัง COVID-19 พ่อแม่ยังคงตกงาน แต่ลูกๆ ต้องไปโรงเรียน
ครูดนตรีหนุ่มสาวในกลุ่ม Music Sharing วางแผนไว้ว่า จะสำรวจข้อมูลด้านการศึกษาในคลองเตยจำนวน 4 ชุมชน แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นสำรวจได้เพียง 1 ชุมชน แต่ก็เห็นสภาพปัญหาและแนวโน้มความเสี่ยงบางประการ
“เราสนใจเรื่องการศึกษา” ณัฐพล ในฐานะตัวแทนของกลุ่ม Music Sharing เล่าที่มาของการสำรวจข้อมูล “เราสนใจว่าโอกาสที่เด็กจะหลุดออกจากโรงเรียนมีเยอะแค่ไหน ความคาดหวังระหว่างพ่อแม่กับเด็กเป็นอย่างไร แล้วเด็กอยากจะเรียนมากแค่ไหน นี่คือประเด็นหลักๆ ที่เราทำ แต่พอทำไปทำมา เราพบว่าการศึกษาเชื่อมโยงกับปัญหาเศรษฐกิจของครอบครัว”
แม้จะยังไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจน แต่ณัฐพลก็พอที่จะมองเห็นแนวโน้มที่เด็กจะหลุดจากระบบ
“แม้ยังไม่เห็นเด็กที่จะออกจากโรงเรียนในช่วงนี้ชัดๆ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ โอกาสที่เด็กจะต้องออกจากโรงเรียนก็มีสูง ผู้ปกครองเองก็พยายามหาเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูกอยู่แล้ว ส่วนโรงเรียนก็มีการช่วยบ้าง เช่น อาจให้จ่ายครึ่งเดียวก่อน หรือผ่อนจ่าย ซึ่งก็จะมีมาตรการแบบนี้อยู่ แต่จากที่เราสำรวจ เรายังไม่เห็นเด็กที่จะออกจากระบบ แต่เห็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าสถานการณ์ในครอบครัวยังเป็นแบบนี้”
ปลายทางของการสำรวจข้อมูลนี้ จะถูกนำไปวิเคราะห์เพื่อดูว่าคนในชุมชนคลองเตยต้องการความช่วยเหลือในรูปแบบใดและอย่างไร โดยโครงการสำรวจข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ.
“ปลายทางของการสำรวจเพื่อหาช่องทางว่าจะให้การช่วยเหลือเขาอย่างไร แต่ละครอบครัวต้องการความช่วยเหลือแบบไหน แล้วเราจะเข้าไปสนับสนุนตรงจุดนั้น อยากให้เด็กๆ ได้เรียนหนังสือกันต่อ เราไม่ได้เน้นว่าต้องเรียนในระบบเท่านั้น ยกตัวอย่าง มีน้องคนหนึ่งเรียนจบ ม.3 แล้วไปทำงานที่คลินิกหมอฟัน พอไปทำงานที่นั่น เขามีทักษะเกี่ยวกับการเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ เขาก็อยากเรียนเฉพาะทางด้านนี้ เขาเลยไปหาข้อมูลมาว่าอยากลงคอร์สผู้ช่วยทันตแพทย์”
หลังณัฐพลเล่าจบ อัญมณีจึงเสริมขึ้นมาว่า “มันเป็นเรื่องเดียวกันนะ เมื่อผู้ปกครองหลุดจากงาน หลุดจากระบบเศรษฐกิจ เด็กก็มีแนวโน้มที่จะหลุดจากระบบการศึกษา แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องว่ามีเงินหรือไม่มีเงิน แต่ยังมีเรื่องความเครียด ความรุนแรง เต็มไปหมดในบ้านหนึ่งหลัง การตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ต่อหรือออกจากระบบการศึกษาของเด็กคนหนึ่งจึงมีหลายปัจจัย และทุกอย่างล้วนเกี่ยวโยงกันหมด”
“ถ้ามองเรื่องการศึกษา” ณัฐพลเสริม “ด่านแรกคือค่าใช้จ่ายที่จะส่งลูกไปเรียนหนังสือ ด่านต่อมาคือระบบการศึกษาที่เด็กต้องเจอ เด็กคลองเตยหลายคนเกลียดโรงเรียน เกลียดครู เพราะครูผลักพวกเขาด้วยทัศนคติบางอย่าง ครูพูดกับเด็กว่า ชาติที่แล้วเธอทำกรรมมาเยอะ ชาตินี้ต้องเกิดในคลองเตย สุดท้ายก็คือตัวเด็กเองจะตัดสินใจอย่างไร กับสิ่งที่เด็กต้องเผชิญจากด่านหนึ่งและด่านสอง จากครอบครัวและโรงเรียน ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจหรือหล่อหลอมความคิดของเด็กขึ้นมา”