ผลสำรวจนักเรียนจากบางท้องที่ของสหรัฐอเมริกาในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 พบว่า แม้ทางโรงเรียนได้มีการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ และเด็กนักเรียนราว 75-80 เปอร์เซ็นต์ จะมีโอกาสได้เข้าถึงการเรียนออนไลน์ได้ ทว่าในหมู่นักเรียนกลุ่มเสี่ยง (มีภาวะขาดเรียนบ่อยประจำ มีปัญหาความประพฤติ ผลการเรียนต่ำ หรือผสมคละกัน) มีไม่ถึงครึ่งที่เข้าเรียนออนไลน์
สำหรับปัญหาที่นักเรียนต้องประสบจากการเรียนออนไลน์ที่บ้าน ได้แก่ สัญญาณอินเทอร์เน็ตขัดข้อง พ่อแม่ไม่สามารถคอยดูแลลูกหลานให้เรียนออนไลน์ได้ รวมไปถึงนักเรียนไม่รู้จะใช้เทคโนโลยีในการเรียนออนไลน์อย่างไร
เมื่อสิ้นสุดปีการศึกษา นักการศึกษาของสหรัฐพยายามทำให้นักเรียนจำนวนมากมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ข้อกังวลอย่างหนึ่งคือ ‘นักเรียนหลังห้อง’ หรือนักเรียนที่มีผลการเรียนไม่ดีอยู่แล้วในช่วงก่อนวิกฤติ COVID-19 ระบาด พบว่า ยิ่งมีพัฒนาการถดถอย และคาดว่าจะเห็นชัดมากขึ้นเมื่อโรงเรียนกลับมาเปิดเทอมอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วง
หนึ่งในนักการศึกษาเหล่านั้นคือ ทายาริชชา แบทเชเลอร์ (Tayarisha Batchelor) ครูใหญ่ของโรงเรียน Rowson โรงเรียนประถมศึกษาในฮาร์ทฟอร์ด คอนเนคติคัต เธอเพิ่งไปเยี่ยมนักเรียนที่บ้านของพวกเขา หนึ่งในนักเรียนที่แบทเชเลอร์ไปเยี่ยม คือ จามี ลี นักเรียนเกรด 3 ที่โผกอดคุณครูของเขาและบอกว่าคิดถึงโรงเรียนตลอดเวลาที่อยู่ในช่วงล็อคดาวน์ ขณะที่ดวงตาของลียังอยู่ที่สมาร์ทโฟน และเมื่อแบทเชเลอร์ ถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คำตอบของนักเรียนคือ กำลังเล่นเกม
“ฉันก็ชอบเล่นเกม” แบทเชเลอร์กล่าวกับนักเรียน ก่อนจะแนะนำพ่อแม่ของเด็กว่า อยากให้ลูกของพวกเขาใช้เวลากับการเรียนออนไลน์มากขึ้น และต้องการให้แน่ใจว่าเขายังคงตั้งใจเรียนอยู่
นี่เป็นเพียงกรณีเดียวจากเด็กนักเรียนทั้งหมดเกือบ 1 ใน 3 ที่แบทเชเลอร์ติดตามอยู่ เด็กเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงโปรแกรมการเรียนออนไลน์ได้ เนื่องมาจากหลากหลายสาเหตุ เช่น สัญญาณอินเทอร์เน็ตขัดข้อง ผู้ปกครองไม่สนใจ ไปจนกระทั่งเด็กไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีพื้นฐานได้ โดยมีเด็กเกือบครึ่งหนึ่งที่ไม่สามารถเข้าถึงการเรียนในระบบของโรงเรียนในลักษณะนี้ได้ และเป็นนักเรียนที่เดิมมีผลการเรียนต่ำ และมีปัญหาในแง่ความประพฤติ
ระบบโรงเรียนทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ประสบกับข้อกังวลเช่นเดียวกันนี้ โดยมีรายงานว่า คุณครูจากหลายโรงเรียนพบว่านักเรียนยังไม่เคยเข้าเรียนในระบบออนไลน์เลยนับตั้งแต่มีการปิดเทอมตั้งแต่เดือนมีนาคม
เช่นเดียวกับ เบรท เอปโทรป (Bret Apthorpe) ครูใหญ่ของโรงเรียนเจมส์ทาวน์ ในมลรัฐนิวยอร์ค กล่าวว่า “มีนักเรียนประมาณร้อยละ 75 ของโรงเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนทางไกลทุกวัน ร้อยละ 24 เข้าเรียนบ้าง ไม่เข้าเรียนบ้าง ขณะที่จำนวน 1 เปอร์เซ็นต์ ต้อง ‘ตกขบวน’ หรือกล่าวให้ชัดได้ว่า นักเรียนไม่ได้มีส่วนร่วมจริงๆ เลย”
ที่โรงเรียน Clark County ในมลรัฐเนวาดา พบว่ามีนักเรียนประมาณ 12,000 คน ต้องพลาดการเรียนออนไลน์ในช่วงกลางเดือนเมษายน แม้เจ้าหน้าที่โรงเรียนได้ดำเนินการเพื่อให้เด็กเหล่านี้กลับไปเรียนให้ได้ ถึงกระนั้นก็ยังเหลือนักเรียนอีก 4,500 คนที่ยังไม่ได้เรียนในช่วงปลายปี ครูใหญ่ของโรงเรียน Clark County กล่าวว่า นักเรียนบางคนไม่มีคอมพิวเตอร์ และผู้ปกครองคนอื่นๆ ก็มีงานต้องทำ
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของสภาพการเรียนการสอนแบบออนไลน์ในช่วง COVID-19 ในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นข้อมูลที่รวบรวมจนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ปัจจุบันสหรัฐเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากการระบาดของโรคร้ายนี้มากที่สุดในโลก มีผู้เสียชีวิตมากถึง 132,101 คน ส่วนยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดมีมากถึง 2,890,588 คน